วว. ขับเคลื่อน BCG  เพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือทิ้งภาคการเกษตร วิจัยพัฒนาเป็นกระถางเพาะชำย่อยสลายได้

กระทรวงการอุดมศึกษา  วิทยาศาสตร์  วิจัยและนวัตกรรม  (อว.)  โดย  สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย  (วว.)  มุ่งขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ BCG  ประสบผลสำเร็จในการเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือทิ้งจากภาคการเกษตร นำมาวิจัยพัฒนาเป็นกระถางเพาะชำที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อทดแทนและลดการใช้ถุงเพาะชำที่ทำจากพลาสติก ระบุผลิตภัณฑ์มีความแข็งแรง ทนทาน มีความยืดหยุ่น ทำให้รากพืชสามารถชอนไชออกจากก้นกระถาง/ด้านข้างของกระถางได้ มีความสามารถในการอุ้มน้ำ ระบายความร้อนได้ดี ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช

ศ. (วิจัย) ดร. ชุติมา   เอี่ยมโชติชวลิต   ผู้ว่าการ  วว.  กล่าวว่า  นโยบายเศรษฐกิจ BCG เป็นธงการดำเนินงานของ วว. เพื่อร่วมขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้สำเร็จ สามารถตอบโจทย์ แก้ปัญหา ของประเทศด้วยองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม “กระถางเพาะชำย่อยสลายได้” เป็นหนึ่งในผลงานที่เป็นรูปธรรม ซึ่ง วว.  โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมวัสดุ ประสบผลสำเร็จในการเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือทิ้งจากภาคการเกษตร  ได้แก่  ใยมะพร้าว   แกลบ  เปลือกข้าวโพด  ฟางข้าว  หญ้าเนเปีย  เยื่อกล้วย ชานอ้อย  ผักตบชวา และไผ่ เป็นต้น  นำมาวิจัยและพัฒนาขึ้นรูปเป็นกระถางเพาะชำที่สามารถย่อยสลายได้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์มีความแข็งแรงและทนทาน มีความยืดหยุ่นที่ดี เพื่อให้รากสามารถชอนไชออกจากก้นกระถางและด้านข้างของกระถางได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีความสามารถในการอุ้มน้ำ และระบายความร้อนได้ดี ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช

“ในการเพาะชำไม้ดอกไม้ประดับรวมถึงพืชอื่นๆ ชาวสวนส่วนใหญ่จะเพาะกล้าไม้ลงในถุงเพาะชำหรือกระถางเพาะชำที่ทำมาจากพลาสติก โดยพลาสติกเหล่านั้นเป็นวัสดุที่ย่อยสลายยาก และเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสภาวะโลกร้อน จึงเป็นโจทย์ที่ วว. นำมาแก้ปัญหาและประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเป็นกระถางเพาะชำย่อยสลายได้ ซึ่งถือเป็นการนำองค์ความรู้ ประสบการณ์ มาต่อยอดโดยใช้หลักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์  ที่สามารถ  เข้าใจ  เข้าถึง กระบวนการผลิตได้ไม่ยาก และใช้วัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำในการปรับปรุงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ และเป็นการเพิ่มมูลค่าของเหลือทิ้งทางการเกษตรตามหลักการ BCG ” ผู้ว่าการ วว. กล่าว

การผลิต “กระถางเพาะชำย่อยสลายได้” ผลงานวิจัยพัฒนา วว. จะใช้วัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำ  จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรมาสับย่อยให้มีขนาดที่เหมาะสมซึ่งขึ้นกับชนิดของพืช  ดังนี้ ใยมะพร้าว  ไม่ต้องตัด  สามารถใช้แบบยาวๆ ได้  แกลบ  นำมาล้างและอบให้แห้ง   เปลือกข้าวโพด  ฉีกตามแนวยาวให้มีความกว้างประมาณ   0.5 – 2.0  เซนติเมตร    ฟางข้าว  นำมาล้างและอบให้แห้ง  จากนั้นนำไปผสมกับตัวประสานอินทรีย์ในปริมาณที่เหมาะสม  เพื่อช่วยในการยึดเกาะของเยื่อและมีความแข็งแรงหลังการขึ้นรูป

ในส่วนของพืชที่มีเส้นใยอ่อน  เช่น   หญ้าเนเปีย/ผักตบชวา/กาบกล้วย  นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และนำไปปั่นละเอียดจนเป็นเยื่อ  จากนั้นนำเยื่อที่ได้ไปอัดขึ้นรูป ส่วนพืชที่มีโครงสร้างแข็ง  เช่น  ชานอ้อย/ไผ่/ฟางข้าว  นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และต้มด้วยโซเดียมไฮดรอกไซต์ (NaOH) หรือ โซดาไฟ   จะได้เยื่อที่มีความอ่อนนุ่มขึ้นรูปได้  ทั้งนี้เส้นใยและเยื่อข้างต้น จะถูกอัดด้วยเครื่องอัดร้อนระบบไฮดรอลิก (รูปทรงของผลิตภัณฑ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับแม่พิมพ์ที่ใช้)  นอกจากนี้อาจมีการผสมหรือพ่นเคลือบด้วยสารที่เป็นธาตุอาหารพืช เพื่อช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช

“วว. พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตกระถางเพาะชำย่อยสลายได้ให้แก่ผู้สนในในรูปแบบการฝึกอบรมถ่ายทอดความรู้จากนักวิจัยที่เชี่ยวชาญของ วว. เพื่อนำวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรมาใช้ประโยชน์ให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่พี่น้องประชาชน อันจะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจโดยรวมด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม” ศ. (วิจัย) ดร. ชุติมา   เอี่ยมโชติชวลิต   ผู้ว่าการ  วว.  กล่าวสรุป

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม  รับคำแนะนำปรึกษา และรับบริการด้านวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและนวัตกรรม จาก วว.  ติดต่อได้ที่  โทร. 0 2577 9000 ,0 2577 9439  โทรสาร  0 2577 9426  เว็บไซต์ www.tistr.or.th  อีเมล tistr@tistr.or.th  Line@TISTR

Leave a Reply

Your email address will not be published.