สัญญาณเมเซอร์แรกของกล้องโทรทรรศน์วิทยุแห่งชาติ

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยทีมวิศวกรศูนย์ปฏิบัติการดาราศาสตร์วิทยุ และนักวิจัยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ร่วมกันทดสอบระบบการทำงานกล้องโทรทรรศน์วิทยุแห่งชาติในโหมดสังเกตการณ์สเปกตรัม และประสบความสำเร็จในการรับสัญญาณแรกของ “เมเซอร์” จากบริเวณก่อกำเนิดดาวฤกษ์มวลมาก Westerhout 49 North (W49N) ด้วยอุปกรณ์รับสัญญาณคลื่นความถี่วิทยุย่านแอล (L-band) เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา หลังจากก่อนหน้านี้รับสัญญาณจากทางช้างเผือกและพัลซาร์ได้สำเร็จ

กราฟแสดงสเปกตรัมของเมเซอร์ประเภทไฮดรอกซิล (OH) ในบริเวณเกิดดาวฤกษ์มวลมาก W49N จากกล้องโทรทรรศน์วิทยุแห่งชาติ (Credit : TNRO/NARIT) ภาพพื้นหลังคือภาพกลุ่มแก๊สก่อกำเนิดดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ W49A ซึ่ง W49N เป็นส่วนหนึ่งในนั้น บันทึกในช่วงคลื่นวิทยุและอินฟราเรด (Credit : DePree, et al.; Sophia Dagnello, NRAO/AUI/NSF; Spitzer/NASA) 

เมเซอร์ (MASER: Microwave Amplification by Stimulated Emission of Radiation) คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ พบในวัตถุอวกาศ เช่น แก๊สรอบดาวหาง ชั้นบรรยากาศดาวฤกษ์ กลุ่มแก๊สก่อกำเนิดดาวฤกษ์ ฯลฯ เกิดจากอนุภาคหรือโมเลกุลถูกกระตุ้น (excited state) ทำให้ปลดปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มสูงออกมาพร้อม ๆ กันและเหนี่ยวนำให้อนุภาคอื่นเกิดปฏิกิริยาต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ถ้าผลลัพธ์ออกมาเป็นคลื่นแสงที่ตามองเห็น เรียกว่า Laser (Light Amplification by Stimulated Emission of Radiation) แต่ถ้าผลลัพธ์เป็นคลื่นไมโครเวฟจะเรียกว่า Maser

ดร.​ โคอิชิโร่ ซุกิยามะ นักวิจัยด้านการกำเนิดของดาวฤกษ์มวลมาก กลุ่มวิจัยดาราศาสตร์วิทยุ สดร. ศึกษาวิวัฒนาการของดาวฤกษ์มวลมากโดยการสังเกตเมเซอร์ กล่าวว่า สัญญาณแรกของเมเซอร์ในครั้งนี้ มาจากการทดสอบอุปกรณ์รับสัญญาณย่านแอล (L-Band) ที่ระดับความถี่ 1.0-1.8 กิกะเฮิร์ตซ์ ใช้สังเกตเมเซอร์ประเภทไฮดรอกซิล (OH) ในช่วงความถี่ 1.665 กิกะเฮิร์ตซ์และ 1.667 กิกะเฮิร์ตซ์ บริเวณเกิดดาวฤกษ์มวลมาก W49N ด้วยวิธีการสแกนแบบแรสเตอร์ (Raster scan) ซึ่งจะค่อย ๆ ขยับจานรับสัญญาณด้วยอัตราเร็วคงที่ไปตามแนวระนาบและแนวตั้งฉาก (ตามลำดับตัวเลขในภาพประกอบ) โดยแต่ละการสังเกตการณ์จะเว้นช่องว่างเป็นระยะ 600 ฟิลิบดา (arcsec) ครอบคลุมพื้นที่สังเกตการณ์เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส วิธีการสังเกตการณ์เช่นนี้ สามารถใช้ศึกษาวัตถุท้องฟ้าได้หลากหลายชนิด เช่น กลุ่มแก๊สในอวกาศ พัลซาร์ กาแล็กซี เป็นต้น

(ภาพซ้าย) แผนภาพการสแกนแบบแรสเตอร์ที่ใช้สังเกตการณ์ในครั้งนี้ และ (ภาพขวา) สเปกตรัมของเมเซอร์ประเภทไฮดรอกซิล (OH) ที่สังเกตได้ซึ่งสว่างที่สุดที่ grid 15

สำหรับ W49N เป็นบริเวณก่อกำเนิดดาวฤกษ์มวลมากที่นักดาราศาสตร์รู้จักกันดี เนื่องจากมีความสว่างที่สุด (สว่างกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 40 ล้านเท่า) และเป็นส่วนหนึ่งของ W49A ที่เป็นกลุ่มแก๊สก่อกำเนิดดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ ห่างจากโลกประมาณ 36,220 ปีแสง  มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ของเราถึง 2 แสนเท่า และมีดาวฤกษ์มวลมากอายุน้อยที่กำลังเติบโตอยู่จำนวนมาก จึงถือเป็นห้องปฏิบัติการของนักดาราศาสตร์สำหรับศึกษาวิวัฒนาการและลักษณะทางกายภาพของดาวฤกษ์มวลมากที่กำลังก่อตัวในบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ การศึกษาดาวฤกษ์มวลมากที่มีขนาดตั้งแต่ 10 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ขึ้นไป ยังช่วยให้เข้าใจถึงวิวัฒนาการของกาแล็กซีและเอกภพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีความสว่างมากและมีการสังเคราะห์ธาตุหนัก เช่น เหล็ก เป็นต้น

บรรยากาศภายในห้องควบคุมการทำงานกล้องโทรทรรศน์วิทยุแห่งชาติ

นายอภิชาต เหล็กงาม ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการหอดูดาวแห่งชาติและวิศวกรรม  กล่าวว่า ความสำเร็จในครั้งนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่พิสูจน์ถึงศักยภาพในการศึกษาวิจัยและสังเกตการณ์ของกล้องโทรทรรศน์วิทยุแห่งชาติ สำหรับอุปกรณ์รับสัญญาณที่ สดร. กำลังติดตั้งตัวต่อไป คือ อุปกรณ์รับสัญญาณย่านเค ( K-band)  ที่ระดับความถี่ 18.0-26.5 กิกะเฮิร์ตซ์ หากแล้วเสร็จจะสามารถสังเกตเมเซอร์น้ำ (H2O) ในความถี่ 22.235 GHz ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมเซอร์น้ำในบริเวณเกิดดาวฤกษ์มวลมาก W49N เมื่อสามารถสังเกตทั้งเมเซอร์ไฮโดรเจนไฮดรอกซิลกับเมเซอร์น้ำได้ จะทำให้เข้าใจถึงวิวัฒนาการของดาวฤกษ์มวลมากในบริเวณนั้นได้มากขึ้น

(แถวหลังจากซ้าย) นายฮาเซ็ง สะนิ นายนิคม ประเสริฐ นายอภิชาต เหล็กงาม นายณัฏฐวิทย์ ชาญเวชศาสตร์ 
(แถวหน้าจากซ้าย) นายปรัชญาพันธ์ จิระยา Dr. Koichiro Sugiyama นางสาวนนท์นัดดา ศิลมัย Mr. Spiro Sarris นายปทิต จตุพจน์

ดร. วิภู รุโจปการ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กล่าวว่า กล้องโทรทรรศน์วิทยุแห่งชาติ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 เมตร นอกจากจะเป็นกล้องโทรทรรศน์วิทยุแบบจานเดี่ยวที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาคเอเชีย และมีประสิทธิภาพสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในขณะนี้แล้ว ยังมีแผนที่จะร่วมเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุนานาชาติ เพื่อร่วมเป็นเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุแทรกสอดระยะไกล หรือเรียกว่า VLBI (Very Long Baseline Interferometry) ในกลุ่มประเทศต่าง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเสมือนเป็นกล้องโทรทรรศน์วิทยุขนาดใหญ่ ให้มีศักยภาพในการศึกษาวิจัย และค้นพบองค์ความรู้ใหม่ ๆ ได้ในอนาคต

Leave a Reply

Your email address will not be published.