“ศุภมาส”  มอบ วว. ขับเคลื่อนโมเดลโครงการแก้จน  3  จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม สร้างธุรกิจใหม่   Up Skill   รายได้เพิ่มขึ้น

กระทรวงการอุดมศึกษา  วิทยาศาสตร์  วิจัยและนวัตกรรม  (อว.)  โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย  (วว.)  ร่วมกับมหาวิทยาลัย หน่วยงานเครือข่ายในพื้นที่ ดำเนินงานขับเคลื่อนการพัฒนาและออกแบบโมเดลโครงการแก้จน  3  จังหวัดชายแดนภาคใต้  “ปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส”  ด้วยวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยี และนวัตกรรม  (วทน.)  ภายใต้ “โครงการการประเมินและพัฒนาศักยภาพผลผลิตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมในพื้นที่นำร่องจังหวัดยากจน”  ตามนโยบายรัฐบาลและนโยบาย นางสาวศุภมาส  อิศรภักดี  รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. “วิจัย-นวัตกรรมดี ตอบโจทย์ ตรงความต้องการ” ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต่อยอดการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมกับมหาวิทยาลัย เครือข่ายในพื้นที่  ด้านการถ่ายทอดความรู้สู่ trainer นักวิจัยของมหาวิทยาลัยในพื้นที่และกลุ่มเป้าหมาย  พัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสม (Appropriate  technology) กับบริบทในพื้นที่  รวมทั้งยกระดับมาตรฐานคุณภาพผลิตภัณฑ์ สถานที่ผลิต เพื่อให้เข้าสู่มาตรฐานระดับสากล พร้อมเข้าสู่ตลาดอย่างยั่งยืน

เป้าหมายการดำเนินงาน    เพื่อให้เกิดอาชีพ  สร้างรายได้ ให้กับกลุ่มคนจนเป้าหมาย ให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยี และขยายไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืน

ดร.ชุติมา   เอี่ยมโชติชวลิต   ผู้ว่าการ วว.  กล่าวว่า  การดำเนินโครงการของ วว. และพันธมิตรในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย  2  แนวทางหลักในการนำองค์ความรู้ วทน. เข้าไปขับเคลื่อน คือ  1) Ready  technology  เทคโนโลยีพร้อมใช้ ที่ได้ผ่านการวิจัย พัฒนา ทดสอบและใช้งานเห็นผลสำเร็จจริง  มีระดับเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้  และ 2) Appropriate  technology  เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสม  แก้ปัญหา – ตอบโจทย์  สามารถนำไปปรับใช้ และถ่ายทอดองค์ความรู้/เทคโนโลยีกับพื้นที่หรือครัวเรือนยากจน  เพื่อการพัฒนาอาชีพ  โดยประสบผลสำเร็จในการดำเนินงานเป็นรูปแบบ โมเดลแก้จน คือสร้างธุรกิจใหม่ –  Up Skill  –  รายได้เพิ่มขึ้น”  ดังนี้

จังหวัดปัตตานี   วว. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  ดำเนินการในพื้นที่ อ. ยะหริ่ง  ได้แก่  1) การเลี้ยงแพะแบบครบวงจร   โดยพัฒนา “ระบบหนุนเสริมงาน” ให้ครัวเรือนมีพื้นที่เลี้ยงแพะและมีอาหารเลี้ยงแพะที่มีคุณภาพ  ด้วยการจัดหาพ่อพันธุ์แพะเนื้อ สายพันธุ์แองโกลนูเบียนและสายพันธุ์บอร์  พัฒนาแปลงปลูกพืชอาหารสัตว์  ณ  ฟาร์มตัวอย่างบ้านปิยามุมัง  ขนาดพื้นที่  4  ไร่ และแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ต.แหลมโพธิ์ จำนวน  20  ไร่  ในการปลูกหญ้ากินนี   มันสำปะหลัง  สำหรับเป็นอาหารสัตว์ พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและใช้อาหารหมักคุณภาพสูงสำหรับแพะเนื้อ  พัฒนาการผลิตปุ๋ยอินทรีย์แบบเม็ดจากมูลแพะเคลือบด้วยจุลินทรีย์ประจำถิ่นจากแหล่งดินสมบูรณ์  พัฒนาคอกเลี้ยงแพะที่ถูกสุขลักษณะ  ทำให้เกษตรกรมีองค์ความรู้  มีทักษะและเทคโนโลยีในการประกอบอาชีพกว่า  20  ครัวเรือน  มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายลูกแพะ  แพะเนื้อ  ต้นพันธุ์อาหารสัตว์  หญ้าสด  อาหารหมักและปุ๋ยอินทรีย์แบบเม็ดจากมูลแพะ

2) พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องแกงสมุนไพรแกงกูตุ๊   ดำเนินการเพิ่มมูลค่าพัฒนาอาหารทางวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งเป็นอาหารหลักของพื้นที่และชาวมุสลิม  เน้นการใช้ภูมิปัญญาสมุนไพรและเครื่องเทศที่เป็นอัตลักษณ์ของพื้นที่  ในกระบวนการสร้างรายได้และสร้างธุรกิจใหม่จากการแปรรูปผักสมุนไพรเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องแกงเพื่อสุขภาพ  โดยการวิเคราะห์คุณภาพและปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ การแปรรูประดับกึ่งอุตสาหกรรม การออกแบบพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และมาตรฐานความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารตามมาตรฐาน อย.  สร้างทักษะนักธุรกิจระดับท้องถิ่นเพื่อยกระดับคุณภาพชุมชนได้กว่า  15  ครัวเรือน  ในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต็อยญิตาลีอายร์ ต. ตาลีอายร์   โดยผลิตภัณฑ์เครื่องแกงที่พัฒนาสำเร็จ  ถูกหลักโภชนาการ  มีรสชาติเผ็ดร้อน  ถูกต้องตามหลักศาสนา  สามารถพกพาสะดวก  เหมาะกับการเดินทางไกล  เช่น เดินทางไปประกอบพิธีทางศาสนา พิธีฮัจญ์ เป็นต้น อีกทั้งสามารถนำไปปรุงผสมกับเนื้อสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะเนื้อวัวหรือเนื้อแพะ ทำให้อาหารไม่มีกลิ่นสาบ

จังหวัดยะลา   ดำเนินงาน  4  กิจกรรม  ดังนี้  ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา  จำนวน  2  กิจกรรม  ได้แก่   1) การพัฒนาปัจจัยการผลิตปุ๋ยอินทรีย์เคมีเพื่อการปลูกข้าวโพดหวาน  ณ  ต.ตาเนาะปูเต๊ะ  อ.บันนังสตา   โดยใช้เทคโนโลยีด้านปัจจัยการผลิต (เกษตรต้นน้ำ) เทคโนโลยีการผลิตปุ๋ยหวานสำหรับข้าวโพด เพื่อพัฒนาคุณภาพวัตถุดิบในพื้นที่ เริ่มจากการปรับปรุงดิน และพัฒนาสูตรปุ๋ยหวานเพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพและเพิ่มปริมาณผลผลิต โดยกลุ่มเกษตรกรได้เรียนรู้ พัฒนาทักษะ และนำไปใช้จริงในพื้นที่ พร้อมนำความรู้ไปประยุกต์ใช้กับการปลูกพืชผักสวนครัวอื่นๆ  เช่น แตงกวา ถั่วฟักยาว  พริกขี้หนูสวน มะเขือ  ตะไคร้หยวกขาว ขมิ้นเกษตร สำหรับประกอบอาหารเพื่อยังชีพในครอบครัวและจำหน่ายในชุมชน

2) การพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าวโพดเสริมคุณค่าทางโภชนาการสำหรับนักเรียน และการปรับปรุงโรงเรือนการผลิตน้ำนมข้าวโพดพาสเจอไรซ์  ในพื้นที่ อบต.ตาเนาะปูเต๊ะ  กว่า 20 ครัวเรือน  พัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ต่อยอดจากน้ำนมข้าวโพดของมหาวิทยาลัยพื้นที่เพื่อเสริมคุณค่าทางโภชนาการสำหรับนักเรียน โดยการวิเคราะห์ฉลากโภชนาการของผลิตภัณฑ์  พัฒนาสูตรน้ำนมข้าวโพดเสริมวิตามินและแคลเซียม สำหรับต่อยอดสู่นมโรงเรียน พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้  สนับสนุนอุปกรณ์แยกกากข้าวโพด  วัตถุเจือปนอาหาร คือ วิตามินและแร่ธาตุให้มหาวิทยาลัยพื้นที่นำไปพัฒนาต่อยอด ปรับปรุงโรงเรือนการผลิตน้ำนมข้าวโพดพาสเจอไรซ์ตามมาตรฐาน สำหรับใช้เป็นครัวกลางในแปรรูปน้ำนมข้าวโพด รวมทั้งออกแบบสายการผลิต ปรับปรุงสถานที่ให้เป็นไปตามมาตรฐาน และการขอมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.)

3) ส่งเสริมการปลูกผักน้ำเบตง    วว. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี  ตำรวจตระเวนชายแดน และกรมส่งเสริมการเกษตร  ส่งเสริมพัฒนาการปลูกเลี้ยงผักน้ำในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา  โดยเพาะเลี้ยงได้แม่พันธุ์ปลอดโรคก่อนนำกลับไปสู่แปลงปลูกของเกษตรกร  ส่งเสริมการใช้สารชีวภัณฑ์โดยคัดแยกจากเชื้อในพื้นที่ เพื่อให้ทนต่อสภาพแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาสารละลายธาตุอาหารทางใบ ที่เหมาะกับการเพาะเลี้ยงผักในธารน้ำไหล และวิเคราะห์สารสำคัญ  คุณค่าทางโภชนาการของผักน้ำ และวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อให้ผักน้ำมีอายุการเก็บรักษาที่นานขึ้น  เกษตรกรได้นำความรู้ทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์ไปปรับใช้ในกระบวนการผลิตผักเชิงพาณิชย์ ทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถผลิตผักน้ำที่มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น

4) พัฒนาสายพันธุ์เบญจมาศ  ในพื้นที่ จ. ยะลา  โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์  ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต)   สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) และสำนักงานเกษตรจังหวัดยะลา  ทำการรวบรวมสายพันธุ์เบญจมาศมาเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและขยายพันธุ์ต้นกล้าพันธุ์ปลอดโรคให้แก่เกษตรกร  ส่งเสริมการผลิตให้เป็นที่ต้องการของตลาด  โดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพการใช้รังสีแกมมาพัฒนาให้ได้สายพันธุ์ใหม่ ที่มีลักษณะดอกซ้อนออกเป็นช่อ มีสีสันสวยงาม พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตและปรับปรุงพันธุ์แก่เกษตรกรผู้ผลิตเบญจมาศ รวมทั้งกระบวนการผลิตต้นพันธุ์ปลอดโรค  การใช้สารชีวภัณฑ์ในการะบวนการผลิตเพื่อเพิ่มผลผลิต  ควบคุมโรคในดินและทางอากาศ  การใช้เทคโนโลยีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์เคมี  ช่วยประหยัดต้นทุนในการผลิตและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรจากการปลูกตัดดอกขายได้ราคากิโลกรัมละ 170 บาท  สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์

จังหวัดนราธิวาส    วว. และมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์  ร่วมดำเนินงาน  3  กิจกรรม  ได้แก่  1) การปรับปรุงกระบวนการผลิตปลาส้มอย่างมีมาตรฐาน  ในพื้นที่ ต.กาวะ กับกลุ่มผู้ผลิตปลาส้มกว่า  60  ครัวเรือน ประกอบด้วย การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตโดยเชื้อจุลินทรีย์ (ดี) ที่ช่วยลดระยะเวลาการหมักได้ 20 วัน จากเดิมใช้เวลา 30 วัน โดยผลิตภัณฑ์ยังมีรสชาติคงเดิม  รวมทั้งวิเคราะห์ทดสอบคุณค่าทางโภชนาการ  การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต และทดสอบความพึงพอใจผลิตภัณฑ์  ทำให้กลุ่มฯ สามารถเพิ่มผลผลิตในการป้อนสินค้าเข้าสู่ตลาดและวางแผนการผลิตได้  2) การพัฒนาโรงเรือนเพื่อให้ได้มาตรฐานการผลิตอาหาร   โดยกาปรับปรุงอาคารสถานที่ผลิตปลาส้มตามที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระบุ และถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องการจัดทำระบบมาตรฐานโรงเรือนการผลิต (GMP) การแปรรูปอาหาร และการยืดอายุการเก็บผลิตภัณฑ์อาหาร  และ 3) การพัฒนากระบวนการทดสอบฤทธิ์ที่ดีต่อสุขภาพของน้ำผึ้งชันโรง   วว. มีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำ Standard  Operating  Procedure  (SOP) สำหรับใช้เป็นแนวทางและคู่มือสำหรับอาจารย์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน หรือชาวบ้าน ในการสร้างอาชีพจากการเลี้ยงผึ้งชันโรงและศึกษาคุณสมบัติน้ำผึ้งชันโรงในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี สำหรับเป็นข้อมูลในการยกระดับผลิตภัณฑ์และเป็นจุดขายในการสร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์ พร้อมพัฒนาน้ำผึ้งชันโรงเกรดพรีเมี่ยมที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าน้ำผึ้งทั่วไปและเป็นอัตลักษณ์ในพื้นที่  ทำให้เกิดประโยชน์ในการสร้างมูลค่าและความได้เปรียบในพื้นที่

ความสำเร็จของ วว. และพันธมิตรในการดำเนินโครงการดังกล่าว เป็นความภาคภูมิใจที่เป็นรูปธรรมอีกวาระหนึ่งในการนำองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม เข้าไปส่งเสริมสนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ยั่งยืน ก่อเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ หล่อเลี้ยงพี่น้องประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้นและมีความยั่งยืนตลอดไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและรับบริการจาก วว.  ได้ที่ โทร. 0 2577 9000  โทรสาร 0 2577 9009 เว็บไซต์  www.tistr.or.th  อีเมล  tistr@tistr.or.th  หรือที่ “วว. JUMP” https://tistrservices.tistr.or.th/

Leave a Reply

Your email address will not be published.