16 ปี สทน.ชูการ ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เทรนด์โลกในทศวรรษหน้า
สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. (Thailand Institute of Nuclear Technology : TINT) ก่อตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกา การจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2549 ภารกิจหลักของ สทน. นอกเหนือจากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนวิเคลียร์แล้ว ยังให้บริการ เผยแพร่ และการนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฺมาประยุกต์ใช้พัฒนาประเทศด้านในต่าง ๆ
วันจันทร์ที่ 11 เมษายน 2565 รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เปิดเผยว่า สทน.ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาเป็นองค์ประธาน งานครบรอบ 16 ปี วันสถาปนาสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “วันดีดี กับเทคโนโลยีนิวเคลียร์” One fine day with nuclear technology (Better solutions for the bright future) และพระราชทานรางวัลให้แก่ผู้ให้การสนับสนุนการใช้ประโยชน์ทางเทคโนโลยีนิวเคลียร์ จำนวน 8 รางวัล ได้แก่ ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ด้านอุตสาหกรรมการผลิต ด้านอุตสาหกรรมอาหาร ด้านอุตสาหกรรมอัญมณี ด้านการเกษตร ด้านการศึกษา ด้านให้การสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่ออนาคต ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ และรางวัลผู้มีคุโณปการที่ให้การสนับสนุนสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ซึ่งในปีนี้ สทน. ได้จัดงานยิ่งใหญ่กว่าทุกปี มีการรวบรวมงานด้านวิชาการ และผลงานการวิจัยและพัฒนาด้านต่างๆ ที่นำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศ สามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ลดการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ผลงานการพัฒนาทางด้านสังคม และการพัฒนาเศรษฐกิจระดับฐานราก รวบรวมนำมาจัดเป็นนิทรรศการ 6 ด้าน คือ 1) นิทรรศกการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพฯ กับพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อกิจกรรมด้านนิวเคลียร์ของประเทศ 2) นิทรรศการเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในงานโบราณคดี 3) นิทรรศการด้านงานวิิศวกรรมของ สทน. เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางการแพทย์และสาธารณสุข 4) นิทรรศการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ 5) นิทรรศการ “ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์” พลังงานสะอาดแห่งอนาคตเพื่อคนไทย 6) นิทรรศการอาหารพืื้นถิ่นไทย พัฒนาได้ด้วยเทคโนโลยีนิวเคลียร์
นอกจากนี้ ผอ.สทน. ได้แถลงข่่าว สรุปผลการดำเนินงานของ สทน. ในรอบ 16 ปี ถึงผลงานที่นำไปประยุกต์ในการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ ว่า ปัญหาสำคัญที่จะเกิดขึ้นที่เป็นปัญหาสำหรับคนส่วนใหญ่ หรือเป็นเทรนด์ของโลกหลังจากสถานการณ์โควิด และหรือเหตุการณ์การสู้รบของ 2 ประเทศสำคัญๆ ของโลก สทน. จึงพยายามนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาประะยุกต์ใช้เพื่อที่จะมีส่วนในการแก้ไขปัญหาที่เป็นเทรนด์ของโลกเหล่านี้ โดยกำหนดเป็นแผนุยทธศาสตร์ สทน. 4 ปี (พ.ศ.2564 – 2567) เพื่อขับเคลื่อนภารกิจต่างๆ ดังนี้
กลยุทธ์ที่ 1 การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และการยกระดับสังคมเชิงบูรณาการ โดยมีเป้าหมาย ส่งเสริมและขยายการใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อแก้ปัญหา และตอบสนองความต้องการในทุกภาคส่วน โดยการบูรณาการกับเครือข่ายที่มีศักยภาพ กลยุทธ์ที่ 2 การวิจัยและการพัฒนาเชิงบูรณาการกับเครือข่ายที่มีศักยภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์โดยอาศัยความร่วมมือ และมุ่งสู่การนำไปใช้ประโยชน์แบบบูรณาการกับเครือข่ายที่มีศักยภาพ และการพึ่งพาตนเองในอนาคต กลยุทธ์ที่ 3 เป็นผู้นำเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในอาเซียน เป้าหมายเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำ ทางวิชาการ และเป็นที่ยอมรับ ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในอาเซียน กลยุทธ์ที่ 4 การพัฒนาองค์กรให้ยั่งยืน เป้าหมายเพื่อพัฒนาการทำงานและสร้างความสามารถในการแข่งขันขององค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิตัล ตลอดจนรักษาและพัฒนาสมรรถนะขององค์กรด้วยบุคลากรคุณภาพสูง โดยจะดำเนินงานผ่านกิจกรรมสำคัญภายใต้ยุทธศาสตร์ข้างต้น ดังนี้
1. โครงการพัฒนาอาหารพื้นถิ่นด้วยการฉายรังสี เพื่อสร้างนวัตกรรมการฉายรังสี สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารพื้นบ้านไทย ยกระดับสินค้าเพื่อให้สะอาด ปลอดภัยและมีมาตรฐาน สามารถเป็นช่องทาง การจัดจำหน่ายเพื่อเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการได้
2. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเครื่องมือทางนิวเคลียร์ โดยเครื่องไซโคลตรอน เพื่อการพัฒนาทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์ทางรังสี ลดการนำเข้าเภสัชรังสี ได้ปีละราว 800 ล้านบาท การพัฒนาเครื่อง โทคาแมค (Tokamak) เพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีฟิวชัน และพลาสมา การพัฒนาเครื่องเอกซเรย์ ในอุตสาหกรรมเพื่อลดการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ
3.การพัฒนาการให้บริการ และขยายการบริการสู่ตลาดต่างประเทศ โดยการตรวจสอบหอกลั่นใต้น้ำ เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ การผลิตและจำหน่ายเภสัชรังสีให้กับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ลาว พม่า กัมพูชา
4. การเป็นผู้นำทางวิชาการและในระดับนานาชาติ ผ่านโครงการTINT2U การสนับสนุนทุนวิจัยให้กับนักวิจัยจากหน่วยงานและมหาวิทยาลัยต่างๆที่ร่วมทำวิจัยกับสทน. รวมทั้งร่วมผลิตผลงานวิจัยกับผู้ใช้ประโยชน์จริง เช่น โครงการพัฒนาระบบการฉายรังสีน้ำยาง การฉายรังสีน้ำยางธรรมชาติที่ผสมกับสารเคมี เพื่อให้มีการจับตัวกันของพอลิเมอร์เป็นแผ่นยาง การปรับปรุงพันธ์กัญชง กัญชาเพื่อการพัฒนาทางการแพทย์
5.โครงการสำคัญที่จะสนับสนุนให้ผู้ใช้ประโยชน์ เกิดความสะดวกสบายในการเข้าถึงบริการ และสร้างความเข้าใจด้านนิวเคลียร์ ทั้ง Digital Transformation การสื่อสารครบวงจรเพื่อการรับรู้การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์
หลังจากนั้นผู้บริหารสทน.ได้ร่วมลงนามความร่วมมือเครือข่ายเพื่อการวิจัยและพัฒนาด้านพลาสมา และเทคโนโลยีฟิวชันระหว่าง สทน. กับหน่วยงานเครือข่าย CPaF กับมหาวิทยาลัยต่างๆ 24 มหาวิทยลัย