วว. โชว์ศูนย์การเรียนรู้โรงงานต้นแบบผลิตแอลกอฮอล์ไร้น้ำแห่งแรกของประเทศไทย /มาลัยวิทยสถาน/อบรมอาชีพ พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ขับเคลื่อนนโยบาย BCG เนื่องในงานครบรอบวันคล้ายวันสถาปนา 63 ปี วช.
วันนี้ (25 ต.ค. 2565 / บางเขน กรุงเทพฯ ) ศ. (พิเศษ) ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานครบรอบวันคล้ายวันสถาปนา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ “63 ปี วช. มุ่งสู่สังคมอุดมปัญญา พัฒนาไทย ด้วยวิจัยและนวัตกรรม” โอกาสนี้ ศ.(วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ร่วมแสดงความยินดีพร้อมร่วมบริจาคจตุปัจจัยในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน วช. ประจำปี 2565 ในการนี้ ศ.ดร.นพ. สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ให้เกียรติเยี่ยมชม ศูนย์การเรียนรู้โรงงานต้นแบบผลิตแอลกอฮอล์ไร้น้ำแห่งแรกของประเทศไทย และมาลัยวิทยสถาน วิทยสถานแห่งปัญญา พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากด้วยไม้ดอกไม้ประดับ ซึ่ง วว. ได้จัดแสดงนิทรรศการในโอกาสนี้ด้วย โดยได้รับการสนับสนุนทุนจาก วช. ภายใต้โครงการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้โมเดลเศรษฐกิจ BCG โดยมี ดร.อาภากร สุปัญญา รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์และจัดการนวัตกรรม วว. พร้อมคณะผู้บริหาร นักวิจัยและบุคลากร ร่วมให้การต้อนรับและนำเสนอรายละเอียดการดำเนินงาน
ศ.(วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า ศูนย์การเรียนรู้โรงงานต้นแบบผลิตแอลกอฮอล์ไร้น้ำแห่งแรกของประเทศไทย คือ ความสำเร็จเป็นรูปธรรมและเป็นต้นแบบที่สำคัญ ในการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบาย BCG ช่วยลดการขาดดุลการค้าและเพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งตนเองทางเทคโนโลยีของประเทศ โดยเมื่อ พ.ศ. 2524 กระทรวงการคลังอนุมัติให้ วว. ดำเนินการก่อสร้างโรงงานต้นแบบเพื่อผลิตแอลกอฮอล์ไร้น้ำ ที่มีความบริสุทธิ์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 99.5 โดยปริมาตรจากมันสำปะหลัง มีกำลังการผลิต 1,500 ลิตรต่อวัน เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทนน้ำมันปิโตรเลียมบางส่วน ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.2526 ใช้งบประมาณไปจำนวน 70 ล้านบาท โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลญี่ปุ่นและศึกษากรรมวิธีการผลิตจากสมาคมอุตสาหกรรมหมักแห่งประเทศญี่ปุ่น สำหรับการผลิตแอลกอฮอล์หรือเอทานอลจากวัสดุการเกษตร ด้วยกระบวนการผลิตประหยัดพลังงาน นับเป็นโรงงานแห่งแรกและใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในขณะนั้น
ผู้ว่าการ วว. กล่าวต่อว่า จากจุดเริ่มต้นดังกล่าว วว. มีการต่อยอดวิจัยพัฒนาและประสบผลสำเร็จในการศึกษาการใช้เอทานอลไร้น้ำเป็นเชื้อเพลิง พร้อมทำการศึกษาด้านตลาด โดยได้รับความร่วมมือจาก บริษัท สองพลอย จำกัด และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย นำไปจำหน่ายในสถานีบริการ นอกจากนี้ได้ดำเนินโครงการทดลองตลาดผลิตภัณฑ์แก๊สโซฮอล์จากวัตถุดิบ มันสำปะหลังสด มันสำปะหลังเส้น และน้ำเบียร์ที่หมดอายุ ส่งให้ บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยสามารถกลั่นเอทานอลไร้น้ำได้ 168,000 ลิตร นำไปผสมเป็นแก๊สโซฮอล์ สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงจำหน่าย ทดแทนน้ำมันเบนซินออกเทน 95 นอกจากนี้ยังให้บริการกลั่นแอลกอฮอล์ไร้น้ำให้กับ ปตท. เพื่อนำไปใช้ทดลองเป็นเชื้อเพลิงในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาด้วย
“…โรงงานต้นแบบผลิตแอลกอฮอล์ไร้น้ำจากมันสำปะหลัง มีระยะเวลาเปิดดำเนินการในการทำหน้าที่เป็นโรงงานต้นแบบผลิตพลังงานทดแทนให้แก่ประเทศรวม 20 ปี (พ.ศ.2526-2546) ปัจจุบันไม่ได้ถูกใช้งานแล้ว เนื่องจากโรงงานผลิตเชื้อเพลิงเอทานอลของภาคเอกชน ซึ่ง วว. เป็นหน่วยงานสำคัญที่ผลักดันรัฐบาลอนุมัติให้มีการจัดตั้ง ได้เริ่มดำเนินการผลิตและจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้ใช้อยู่ในขณะนี้ ด้วยศักยภาพของโรงงานแห่งนี้ วว. โดยการสนับสนุนทุนจาก สำนักงานสภาวิจัยแห่งชาติ จึงได้ดำเนินการปรับปรุงให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ เพื่อเป็นแหล่งค้นคว้า ศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ด้านพลังงานทดแทนของประเทศต่อไป…” ศ.(วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าว
สำหรับ มาลัยวิทยสถาน ทำหน้าที่เป็นวิทยสถานแห่งปัญญา พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก สร้างแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรม ตลาดไม้ดอกไม้ประดับและผลิตภัณฑ์ ยกระดับภาคเกษตรเป็นธุรกิจ สร้างงาน สร้างรายได้และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการต่อเนื่อง เช่น การท่องเที่ยว เป็นต้น ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจไทยที่ช่วยเพิ่มรายได้ของชุมชนในพื้นที่ให้มากขึ้น โดยมีรูปแบบการดำเนินงาน ดังนี้ 1) นำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ยกระดับความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ เกษตรกรไม้ดอกไม้ประดับ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ 2) พัฒนาข้อมูลพื้นฐานไม้ดอกไม้ประดับอัตลักษณ์ประจำถิ่น สู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ 3) พัฒนาปัจจัยการผลิตในการทำการเกษตรแบบปลอดภัย 4) ยกระดับระบบการปลูกเลี้ยงไม้ดอกไม้ประดับที่ดีด้วยเกษตรแม่นยำ 5) พัฒนาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและบรรจุภัณฑ์ไม้ตัดดอกและไม้ประดับกระถางส่งตรงผู้บริโภค 6) ช่วยลดต้นทุนการผลิต พัฒนาผลิตภัณฑ์ และ 7) สร้างมูลค่าตามแนวทางแผนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
อนึ่ง เนื่องในการจัดงานครบรอบคล้ายวันสถาปนา 63 ปี วช. ระหว่างวันที่ 25-28 ตุลาคม 2565 ณ วช. บางเขน นอกจากการจัดกิจกรรมเยี่ยมชม ศูนย์การเรียนรู้โรงงานต้นแบบผลิตแอลกอฮอล์ไร้น้ำแห่งแรกของประเทศไทย และมาลัยวิทยาสถาน แล้ว วว. ยังได้ร่วมจัดการอบรมอาชีพ จำนวน 4 หลักสูตร ได้แก่ การผลิตน้ำมันหอมสำหรับมือใหม่และสเปรย์แอลกอฮอล์จากสมุนไพรไทย การจัดสวนสวยในขวดแก้ว การจัดสวนย่อส่วน/ขนาด สำหรับใช้ประดับและตกแต่ง และการผลิตเชื้อเพลิงก้อนหรือแอลกอฮอล์แข็งจากเอทานอลเหลือทิ้ง เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ ให้แก่พี่น้องประชาชน
นอกจากนี้ วว. ยังได้นำนวัตกรรม BCG ผลงานของศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมวัสดุ วว. และหน่วยงานพันธมิตรพัฒนาขึ้นร่วมจัดภูมิทัศน์ “ศูนย์เกษตรวิถีเมือง วช.” ด้วย ดังนี้ บล็อกคอนกรีตปูพื้นและแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปจากเถ้าโรงไฟฟ้า : ใช้ทดแทนปูนซีเมนต์ได้มากถึงร้อยละ 20 กระเบื้องดินเผาตกแต่งจากส่วนผสมของเถ้าแกลบ สีไฟโตคะตะลิสต์ : สำหรับผสมในสีเพื่อให้สีสามารถทำความสะอาดตัวเองได้ ลดการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อโรคบนผนัง คอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mixed Concrete) จากการนำเถ้าโรงไฟฟ้าผสมรวมกับทรายและหินสำหรับใช้ทดแทนวัตถุดิบเดิม เช่น ปูนซีเมนต์ ได้มากถึงร้อยละ 20
วว. พร้อมให้บริการและคำแนะนำปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน ของประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ โทร. 0 2577 9000 โทรสาร 0 2577 9009 เว็บไซต์ www.tistr.or.th อีเมล : tistr@tistr.or.th line@TISTR IG : tistr_ig