ENTEC สวทช. โชว์พลังวิจัยและนวัตกรรม ขับเคลื่อนระบบนิเวศพลังงานไทยที่ยั่งยืน

(14 พฤษภาคม 2568) ณ โถงแถลงข่าว ชั้น Ground อาคารวิจัยโยธี สวทช. ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี กรุงเทพฯ: ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (เอ็นเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในกิจกรรม NSTDA x Press Interviews หัวข้อ ENTEC: พลังวิจัยและนวัตกรรม เพื่ออนาคตพลังงานไทยที่ยั่งยืน เพื่อเผยแพร่ข้อมูลงานวิจัยและนวัตกรรมของศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนระบบนิเวศและนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีพลังงานของประเทศไทย โดยภายในงานมีทีมนักวิจัยเอ็นเทค สวทช. นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ อาทิ เทคโนโลยีไฮโดรเจน นวัตกรรมโอเลโอเคมีภัณฑ์และเคมีภัณฑ์สีเขียว เทคโนโลยีโซลาร์เซลล์แสงอาทิตย์ และเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงาน มาจัดแสดงต่อสื่อมวลชนเพื่อให้เข้าถึงเทคโนโลยีพลังงานใหม่ ๆ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของงานวิจัยที่มีความสำคัญต่อการสร้างเสริมระบบนิเวศด้านพลังงานไทย สร้างการยอมรับในมาตรฐานคุณภาพ และผลักดันสู่ความยั่งยืนด้านพลังงานของประเทศ
· ENTEC องค์กรวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานชั้นแนวหน้าของประเทศ

ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการเอ็นเทค สวทช. เปิดเผยว่า ศููนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (เอ็นเทค) สวทช. มีความสำคัญต่อระบบพลังงานของประเทศไทยในหลายด้าน โดยเฉพาะภารกิจการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน ซึ่ง เอ็นเทค สวทช. สนับสนุนนโยบายพลังงานโดยดำเนินงานตามแผนบูรณาการพลังงานระยะยาวของประเทศไทย (TIEB) โดยการสร้างองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตลอดจนบทบาทในการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านพลังงานไปสู่ภาคอุตสาหกรรม ภาคเอกชน และชุมชน เพื่อให้เกิดการนำไปใช้ประโยชน์จริง “เอ็นเทค สวทช. จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ตามมติคณะรัฐมนตรี ในฐานะศูนย์เทคโนโลยีแห่งชาติ ลำดับที่ 5 ภายใต้ สวทช. โดยมีพันธกิจหลักในการเป็นองค์กรผู้นำและศูนย์รวมแห่งการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานของประเทศ มุ่งเน้นการดำเนินงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานเพื่อสนับสนุนแผนพลังงานชาติ เป็นกำลังสำคัญในการ ‘สร้าง’ และ ‘เชื่อมโยง’ นวัตกรรมพลังงานของประเทศไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด เสริมสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการด้านเทคโนโลยีพลังงานที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานของประเทศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเกิดความยั่งยืน”
· พลังวิจัยและนวัตกรรม หนุนระบบนิเวศพลังงานสู่การเปลี่ยนผ่านที่ยั่งยืน


ผู้อำนวยการเอ็นเทค สวทช. กล่าวต่อว่า ภารกิจหลักด้านการวิจัยของเอ็นเทค สวทช. ไม่ได้หยุดอยู่แค่ในห้องแล็บ แต่เป็นการ ‘บ่มเพาะ’ เทคโนโลยีพลังงานใหม่ ๆ ที่จะมาเปลี่ยนโฉมหน้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานที่ยั่งยืนและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมีผลงานวิจัยที่โดดเด่นหลายด้าน ได้แก่
ด้านเทคโนโลยีเชื้อเพลิงสะอาดและการบูรณาการระบบ: เน้นการสร้างความมั่นคงทางพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยเทคโนโลยีการผลิต “ไฮโดรเจนชีวภาพหรือไฮโดรเจนสีเขียว” ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาและต่อยอดสู่การใช้งานจริงร่วมกับภาคเอกชน รวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและคมนาคมขนส่งให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น แนวทางประเมิน ASEAN Energy Resilience Assessment Guideline และการประเมินโซลาร์ฟาร์มบนระบบขนส่งสาธารณะ
ด้านนวัตกรรมโอเลโอเคมีภัณฑ์และเคมีภัณฑ์สีเขียว: เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน โดยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะปาล์มน้ำมัน ด้วยผลงานอย่าง “Eco-Pest” สารเสริมประสิทธิภาพการเกษตรจากน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ที่ช่วยลดการใช้สารเคมี ปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ภาคอุตสาหกรรม และ “น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานชีวภาพจากปาล์มน้ำมัน” ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายได้ ลดการนำเข้าปิโตรเลียม และอยู่ระหว่างการพัฒนาต่อยอดเพื่อประยุกต์ใช้งานที่หลากหลาย
ด้านเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์: สนับสนุนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ต้นทุนต่ำลง ด้วยนวัตกรรมที่น่าสนใจ อาทิ “Solar Sure” แพลตฟอร์มตรวจสอบแผงโซลาร์เซลล์หมดอายุ ส่งเสริมการนำกลับมาใช้ใหม่ (Second-life) ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และจัดการซากอย่างถูกวิธี ซึ่งอยู่ระหว่างสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) พิจารณากำหนดมาตรฐาน และ “SEESOLAR” โซลาร์เซลล์เพื่อการเกษตร ที่ลดรังสี UV-B และความร้อน แต่ยังให้การแผ่รังสีแสงสังเคราะห์ หรือแสง PAR ผ่านได้ดี ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดีและอาจมีสารสำคัญสูงขึ้น อีกทั้งผลิตไฟฟ้าสำหรับควบคุมสภาพแวดล้อมในโรงเรือน และเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนพลังงานให้ภาคเกษตรกรรม
ด้านนวัตกรรมห่วงโซ่คุณค่าของแบตเตอรี่: ตอบโจทย์การเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบกักเก็บพลังงานอัจฉริยะ ที่ทำให้ใช้พลังงานได้อย่างเสถียร โดย ENTEC มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาแบตเตอรี่แบบครบวงจร ทั้งกระบวนการรีไซเคิล และเป็นส่วนสำคัญในการผลักดัน “Thailand BattSwap” ภายใต้ Thailand Standard Swappable Battery Consortium เพื่อสร้างมาตรฐานกลางของแบตเตอรี่แบบสับเปลี่ยนได้สำหรับ EV ขนาดเล็กทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) และได้ริเริ่มพัฒนาแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีความจุสูง อายุการใช้งานยาวนาน และปลอดภัยสูง โดยใช้วัตถุดิบในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าและสร้างความมั่นคงทางพลังงาน
ดร.สุมิตรา กล่าวทิ้งท้ายว่า ENTEC จะมุ่งเน้นการขับเคลื่อนผลงานวิจัยและนวัตกรรมสู่การใช้งานจริง สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานที่ยั่งยืน โดยใช้กลยุทธ์ดำเนินงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เร่งสร้างงานวิจัยให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์และบริการจริง สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อ ‘สร้างผลกระทบ’ ต่อระบบนิเวศนวัตกรรมพลังงานไทย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างต่อเนื่อง