อว. โดย GISTDA ผนึกกำลัง สธ. ใช้เทคโนโลยีอวกาศยกระดับบริการสาธารณสุขเชิงพื้นที่

6 สิงหาคม 2568 : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อการพัฒนางานวิจัยและบริการด้านสาธารณสุขเชิงพื้นที่ โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวง สธ. และ ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA เป็นผู้ลงนามในบันทึกฉบับนี้ ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร ชั้น 2 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี

ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวว่า เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจากการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) การนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ด้านสาธารณสุขจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชน จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่ทั้ง 2 กระทรวงได้ร่วมมือกันช่วยเหลือสังคม โดยภายใต้ ความร่วมมือครั้งนี้ ทั้งสองกระทรวง จะร่วมกันพัฒนา AI สำหรับการแพทย์และสาธารณสุข โดยอาศัยเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ พัฒนาและเชื่อมโยงข้อมูลด้านสาธารณสุขร่วมกับข้อมูลเชิงพื้นที่ ผ่านแพลตฟอร์ม Open Geospatial Platform พร้อมทั้งถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี เสริมสร้างศักยภาพบุคลากรด้านภูมิสารสนเทศและด้านสาธารณสุข รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ข้อมูลด้านสุขภาพเพื่้อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

ในปีแรกผลลัพธ์ที่จะได้ภายใต้ MOU นี้ คือ การบูรณาการข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งสกัดได้จากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมร่วมกับข้อมูลด้านสาธารณสุข เพื่อระบุพื้นที่เสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ร่วมกับปัจจัยสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการกระจายตัวของฝุ่น PM 2.5 ดัชนีความร้อน แผนที่การกระจายตัวโรคต่างๆ จะนำมาสนับสนุนการพัฒนาระบบ Thailand Health Atlas ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

ผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา GISTDA มีความร่วมมือกับกระทรวง สธ. อยู่แล้ว ตั้งแต่ช่วงโควิดระบาดอย่างรุนแรง โดยมีการจัดทำ Covid iMap Platform เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการบริหารจัดการ ถัดมามีการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า “Life Dee” ภายใต้แนวคิด “สุขภาพดี เริ่มต้นด้วยที่ชีวิตที่ดี” ร่วมกับ กรมอนามัย และ กรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผลลัพธ์สำคัญจากความร่วมมือครั้งนี้ แอปฯ ดังกล่าว นำข้อมูลภูมิสารสนเทศมาผสานกับข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ การติดตามฝุ่น PM2.5 ดัชนีความร้อน และพื้นที่เสี่ยงไข้เลือดออก เพื่อแจ้งเตือนและติดตามความเสี่ยงด้านสุขภาพแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ประชาชนวางแผนชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย

ซึ่งนอกจากนี้ Life Dee ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาต่อยอดสู่การวางแผนบริการสุขภาพที่เข้าถึงได้สำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ โดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงและข้อมูลสาธารณสุข เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของหน่วยงานและการออกแบบเมืองสุขภาพดีในอนาคต ผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวทิ้งท้าย

Leave a Reply

Your email address will not be published.