สกสว.ผนึกเชียงรายจัดแพคเกจวาระแห่งชาติ โซ่ข้อกลางจัดทัพสู้ภัยพิบัติ 3 ประเด็นใหญ่

สกสว.ผนึกกำลังจังหวัดเชียงราย กางแผน ววน. สู้ภัยพิบัติ 3 ประเด็นใหญ่ รับหน้าที่ ‘โซ่ข้อกลาง’ รวมแพคเกจวาระแห่งชาติแก้ปัญหาน้ำ-แผ่นดินไหว-สารพิษแม่น้ำกกหวังลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินให้ได้มากที่สุด
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) นำโดย ศ. ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว. ร่วมกับนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย แถลงข่าวทิศทางการใช้ระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) เพื่อรับมือและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติในพื้นที่จังหวัดเชียงรายอย่างบูรณาการ โดยมุ่งเน้นแพคเกจวาระแห่งชาติใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การแก้ปัญหาน้ำท่วม/น้ำแล้ง การสร้างองค์ความรู้ด้านแผ่นดินไหว และปัญหาเร่งด่วนคือ สารพิษในแม่น้ำกก พร้อมผลักดันให้เชียงรายเป็นต้นแบบการจัดการภัยพิบัติด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยี

ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวย้ำถึงบทบาทหลักของ สกสว. ว่าเป็น “โซ่ข้อกลาง” ที่สำคัญในการขับเคลื่อนระบบ ววน. เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยเชื่อมโยงการทำงานเพื่อป้องกันและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในจังหวัดเชียงราย ซึ่งมุ่งเน้น 3 ปัญหาหลัก คือ น้ำท่วม-น้ำแล้ง การป้องกันและสร้างองค์ความรู้ด้านแผ่นดินไหว และสารพิษในแม่น้ำกกที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการเป็นอย่างมากในขณะนี้ ทั้งนี้ จะต้องถ่ายทอดองค์ความรู้ เสริมอาวุธให้กับประชาชน และช่วยกันเป็นพี่เลี้ยงให้คนที่อยู่หน้างานเตรียมพร้อมสำหรับการแก้ปัญหารับมือภัยพิบัติ สร้างทักษะที่จำเป็นให้ทุกภาคส่วนและประชาชนมีความพร้อมและปลอดภัยจากภัยพิบัติ เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการต่อยอดจากระบบ ววน. สู่การปฏิบัติของจังหวัดเชียงรายต่อไป โดยมีปัญหาของพื้นที่เป็นตัวตั้ง



“สกสว.ได้หารือร่วมกับจังหวัดเชียงรายและภาคส่วนต่างๆ ถีงข้อตกลงเกี่ยวกับวิธีการทำงานร่วมกัน โดยมี สกสว. ในฐานะเลขานุการของกองทุน ววน. จะทำหน้าที่เชื่อมโยงหน่วยนโยบายและหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ พร้อมนำองค์ความรู้ที่มีอยู่มาสร้างแพลตฟอร์มให้ประชาชนนำไปใช้ประโยชน์ ทั้งการจัดการสารพิษแม่น้ำกก ซึ่ง สกสว. ได้สนับสนุนข้อมูลจากกรมประมง งานวิจัยสารพิษ และการซื้อขาย เพื่อสร้างแอปพลิเคชัน “ปลาปลอดภัย” ที่ประชาชนสามารถสแกนเพื่อรับรู้ระดับสารปนเปื้อนในลำน้ำสาขา รวมถึงข้อมูลว่าจะสามารถบริโภคปลาชนิดใดได้อย่างปลอดภัยหรือมีความเสี่ยง เพื่อสร้างความมั่นใจในการบริหารจัดการสารพิษในแม่น้ำ นอกจากนี้จะขับเคลื่อนการทำงานแบบบูรณาการโดยกำหนดทิศทางและนโยบายของกองทุน ววน. รวมถึงจัดทำแผนปฏิบัติการกลางแบบบูรณาการ (One Plan One Map) ประสานงานกับทุกภาคส่วน เพื่อปฏิบัติการอย่างรวดเร็วและทันท่วงที
โดยตั้งงบประมาณเพื่อการรับมือภัยพิบัติทั้งการสร้างองค์ความรู้และหน้างานไม่ต่ำกว่าพันล้านบาทต่อปี เพื่อป้องกันการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย” ศ. ดร.สมปองกล่าว

ขณะที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายประสบปัญหาภัยพิบัติต่าง ๆ ค่อนข้างมาก ทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง แผ่นดินไหว และสารปนเปื้อนในลำน้ำต่าง ๆ ซึ่งแผนเตรียมการป้องกันที่ผ่านมายังไม่สมบูรณ์ คณะวิจัยได้นำประเด็นเหล่านี้ไปศึกษาวิจัยเพื่อเป็นข้อมูลทางวิชาการของเชียงรายและขยายสู่ระดับภาคเหนือ ซึ่งเราจะนำมาเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการภัยเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกรวบรวมเข้าสู่ศูนย์ข้อมูล PDOSS (ศูนย์บริหารจัดการภัยพิบัติ) เพื่อให้การบริหารงานในปีต่อไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ระบุว่า ระบบแจ้งเตือนภัยของ ปภ. ผ่าน Cell Broadcast ครอบคลุมเกือบทุกภัยแล้ว แต่หากจังหวัดมีระบบแจ้งเตือนภัยของเราเองจะใกล้ชิดและเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น ซึ่งมูลค่าความเสียหายจากน้ำท่วมที่เคยเกิดขึ้นประเมินไว้สูงถึง 3 พันกว่าล้านบาท และอาจเกินแสนล้านหากรวมสิ่งปลูกสร้างและถนนหนทางทั้งหมด

ด้านนายก อบจ.เชียงราย เผยถึงการบูรณาการร่วมกับนักวิจัยและสกสว. ทำให้เห็นภาพ One Plan One Map ที่นำไปสู่การวิจัยสาเหตุของปัญหาต่าง ๆ และจัดทำแผนแก้ไขปัญหาส่งให้ภาครัฐแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน โดย อบจ.จะนำแผนภาพรวมนี้ไปจัดทำ Master Plan ระดับจังหวัด เพื่อนำส่งต่อภาครัฐในการจัดสรรงบประมาณได้อย่างถูกต้อง และนำข้อมูลส่งต่อให้พี่น้องประชาชนผ่านศูนย์ PDOSS ที่ อบจ. ร่วมดำเนินการกับจังหวัดผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อการแจ้งเตือนภัย การดูแล และการเยียวยาอย่างทันท่วงที พร้อมกับว่า งบประมาณของ อบจ. มีจำกัด ไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาทั้งหมดอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องบูรณาการกับหน่วยงานอื่น และการทำงานภายใต้ศูนย์ PDOS ร่วมกับจังหวัดและท้องถิ่นทั้งหมด เพื่อประมวลภาพรวมกลับไปปรากฏในแอปพลิเคชันที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้





ในส่วนของภาควิชาการ ศ. ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย กล่าวถึงเหตุการณ์น้ำท่วมปลายปี 2567 ว่าตนได้นำวิศวกรอาสาเข้าสำรวจพื้นที่พบว่ามีความเสียหายของอาคารบ้านเรือนกว่า 1,700 หลัง และช่วยให้การเบิกจ่ายเงินเยียวยาเป็นไปอย่างทันท่วงที แต่สิ่งที่ต้องเรียนรู้คือรูปแบบความเสียหายจากภัยพิบัติ เพื่อปรับปรุงยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างให้ทนทานต่อน้ำ รวมถึงมีระบบเตือนภัยจากข้อมูลที่ดี และมีเซนเซอร์ตรวจจับที่ช่วยให้ชี้เป้าได้ ซึ่งเชียงรายจะเป็นต้นแบบให้หน่วยงานวิจัยออกทุนที่เหมาะสมกับพื้นที่



รศ. ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ผู้อำนวยการแผนงานการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรมตามเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ ววน. น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง กล่าวเสริมว่า แม้จะมีแผนแม่บททรัพยากรน้ำที่ สทนช. ดำเนินการอยู่ แต่การวิจัยจะเข้ามาเสริมให้การแก้ปัญหาครบวงจร โดยเฉพาะการพยากรณ์ล่วงหน้า ซึ่งปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วมอาจเกิดถี่ขึ้น แต่แผ่นดินไหวอาจเกิดในอีก 50 ปี ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องถูกกำหนดทิศทางและวงเงินควบคู่กับโอกาสที่จะเกิดภัยพิบัติภายใต้ขอบเขตที่ ววน. จะสามารถนำไปขับเคลื่อนได้ เพื่อป้องกันอุบัติภัยที่อาจเกิดขึ้น
