วช. เปิดศูนย์พัฒนาระบบการใช้โดรนเพื่อสนับสนุนเมื่อเกิดภัยพิบัติ ณ ศูนย์ต้นแบบเครือข่ายเตือนภัยพิบัติชุมชนเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ต.เจดีย์ชัย อ.ปัว จ.น่าน

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2568 : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับ สมาคมกีฬาเครื่องบินจําลองและวิทยุบังคับ จัด “พิธีเปิดการจัดตั้งศูนย์ศึกษาและพัฒนาระบบการใช้โดรนเพื่อสนับสนุนเมื่อเกิดภัยพิบัติในพื้นที่ภาคเหนือ” โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธาน พร้อมด้วย นายอิทธิฤทธิ์ ยะแสง กํานันตําบลเจดีย์ชัยและหัวหน้าศูนย์การจัดการภัยพิบัติตําบลเจดีย์ชัย กล่าวขอบคุณ, นายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล นายกสมาคมกีฬาเครื่องบินจําลองและวิทยุบังคับ กล่าวถึงที่มาของโครงการ, นายสมเกียรติ สุขโข ปลัดอาวุโสอำเภอปัว กล่าวต้อนรับ และผู้ทรงคุณวุฒิ วช. เข้าร่วมในพิธี ณ ศูนย์ต้นแบบเครือข่ายเตือนภัยพิบัติชุมชนเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ตําบลเจดีย์ชัย อําเภอปัว จังหวัดน่าน

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. มุ่งสนับสนุนงานวิจัยนวัตกรรมที่นำไปใช้ประโยชน์ โดยผลงานที่สามารถยกระดับความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยภาคเหนือและภาคใต้ การนำเทคโนโลยีโดรนมาใช้ช่วยสำรวจ ประเมินสถานการณ์ และสนับสนุนการช่วยเหลือในพื้นที่เสี่ยงภัย จะเพิ่มความแม่นยำ ลดเวลาเข้าถึงพื้นที่ และเสริมความปลอดภัยให้เจ้าหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดตั้งศูนย์ศึกษาและพัฒนาระบบการใช้โดรนแห่งนี้ จึงเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาระบบปฏิบัติการโดรน ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร เสริมศักยภาพชุมชนต้นแบบด้านการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ และขยายการใช้นวัตกรรมไปยังพื้นที่เสี่ยงภัยอื่นทั้งในภาคเหนือและภาคใต้

นายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล นายกสมาคมกีฬาเครื่องบินจําลองและวิทยุบังคับ กล่าวว่า ศูนย์ดังกล่าวนับเป็นศูนย์แห่งแรกในพื้นที่ภาคเหนือที่มุ่งพัฒนาศักยภาพหน่วยงานและชุมชนท้องถิ่นในการรับมือภัยพิบัติด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้และการฝึกอบรมการใช้เทคโนโลยีโดรน เพื่อสนับสนุนภารกิจสำรวจ ประเมินสถานการณ์ และการขนส่งสิ่งของช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉิน อันจะช่วยเสริมความพร้อมและเพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างเป็นรูปธรรมนายอิทธิฤทธิ์ ยะแสง กํานันตําบลเจดีย์ชัยและหัวหน้าศูนย์การจัดการภัยพิบัติตําบลเจดีย์ชัย กล่าวว่า การได้รับการสนับสนุนเครื่องมือและเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างโดรนกู้ภัย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในภาวะเสี่ยงภัย โดยสามารถนำไปใช้ในการขนส่งเสบียงยามเกิดภัยพิบัติ รวมถึงสนับสนุนการระงับเหตุไฟป่าที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งได้อย่างรวดเร็ว อันจะช่วยลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที

นายสมเกียรติ สุขโข ปลัดอาวุโสอำเภอปัว กล่าวว่า ด้วยลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดน่าน ทำให้มีโอกาสประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยครั้ง อาทิ ดินโคลนถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ซึ่งในปีที่ผ่านมาภัยพิบัติได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนถึง 9 ตำบล การจัดตั้งศูนย์ต้นแบบแห่งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อชาวอำเภอปัวแต่รวมไปถึงประชาชนในพื้นที่ข้างเคียง โดยเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะช่วยเสริมศักยภาพของชุมชนในการเตรียมพร้อมและรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ






ทั้งนี้ การจัดตั้งศูนย์ศึกษาและพัฒนาระบบการใช้โดรนเพื่อรับมือภัยพิบัติ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการบริหารจัดการสาธารณภัยของประเทศ โดยใช้วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ช่วยเสริมความพร้อมของชุมชน พัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ และขยายการใช้นวัตกรรมสู่พื้นที่เสี่ยงภัย
