ทีมวิจัย วศ. พัฒนาสารต้านจุลชีพจากนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ พร้อมจับมือภาคเอกชนต่อยอดเป็น “รถพยาบาลเคลือบสารต้านจุลชีพ” ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้กับผู้ป่วย เจ้าหน้าที่และพนักงานขับรถ ชี้ผ่านการทดสอบยึดติดวัสดุแล้วคงทนต่อการทำความสะอาดตามปกติกว่า100 ครั้ง
ดร.นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์บริการ มีภารกิจสำคัญในการให้บริการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งนอกจากการบริการวิเคราะห์ ทดสอบ สอบเทียบ รับรองบริการและผลิตภัณฑ์ รวมถึงเป็นสถานปฏิบัติการกลางทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ เพื่อเสริมสร้างการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศแล้ว ยังมีบทบาทในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมในสาขาที่มีความจำเป็นและพัฒนาระบบมาตรฐานให้พร้อมขับเคลื่อนสู่เชิงพาณิชย์ อย่างเช่น นวัตกรรมการพ่นเคลือบสารต้านจุลชีพในรถพยาบาล ผลงานทีมวิจัยจาก วศ. ซึ่งประกอบด้วย ดร.จริยาวดี ศิริจันทรา ดร.ธนิษฐา ภูลวรรณ และนายวรพงษ์ เจนธนกิจ ร่วมกับบริษัท ที เค ดี ไฟเบอร์ จำกัด พัฒนาขึ้น เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้กับทั้งผู้ป่วย พนักงานขับรถยนต์ และบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และปัจจุบันได้มีการผลักดันให้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยเรียบร้อยแล้ว
ดร.จริยาวดี ศิริจันทรา ผู้อำนวยการกองพัฒนาธุรกิจวิทยาศาสตร์บริการ กรมวิทยาศาสตร์บริการหัวหน้าโครงการวิจัย ฯ เปิดเผยว่า ทีมวิจัย วศ.ซึ่งมีแนวคิดที่จะพัฒนาวัสดุที่เป็น Smart Material จึงริเริ่มพัฒนาวัสดุเคลือบผิวอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือสารต้านจุลชีพที่มีส่วนประกอบของนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ขึ้นตั้งแต่ปี 2560 และประสบความสำเร็จในระดับห้องปฏิบัติการ ปัจจุบันสารต้านจุลชีพดังกล่าวได้ผ่านการรับรองมาตรฐานประสิทธิภาพจาก NanoQ หน่วยงานภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคมากถึง 99.95% ในแบคทีเรียชนิด Escherichia coli และ Staphylococcus aureus ซึ่งแบคทีเรียทั้งสองเป็นแบคทีเรียมาตรฐานที่ใช้ในการวัดประสิทธิภาพของสารต้านจุลชีพ
จากความสำเร็จดังกล่าว ได้มีการต่อยอดงานวิจัยตอบโจทย์ความต้องการของภาคเอกชน โดย วศ.ได้มีความร่วมมือกับบริษัทที เค ดี ไฟเบอร์ จำกัด (แครี่บอย) ในการพัฒนากระบวนการฉีดเคลือบสารต้านจุลชีพบนพื้นผิวภายในรถพยาบาล รวมถึงการทดสอบประสิทธิภาพในการยึดเกาะบนพื้นผิววัสดุต่างๆ ในรถพยาบาล เนื่องจากรถพยาบาลมักจะถูกใช้ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น หากห้องโดยสารรถพยาบาลไม่ได้รับการทำความสะอาดหรือการฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม จะทำให้ กลายเป็นแหล่งสะสมของจุลชีพ แต่หากพื้นผิวภายในห้องโดยสารมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลชีพ ก็จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และแพร่เชื้อได้
ดร.จริยาวดี กล่าวว่า นวัตกรรมการพ่นเคลือบสารต้านจุลชีพที่พัฒนาขึ้น สามารถพ่นเคลือบได้สม่ำเสมอบนพ้ืนผิวแต่ละชนิดในทุกชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารของรถพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นเบาะหนัง พื้นยาง พื้นโลหะ รวมถึงผนังไฟเบอร์กลาส นอกจากนี้เพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพในการยึดเกาะบนพื้นผิวของสารต้านจุลชีพ ทีมวิจัยได้พัฒนาวิธีการทดสอบการยึดเกาะบนพื้นผิวต่าง ๆ ซึ่งพบว่า แม้จะผ่านการทำความสะอาดด้วยวิธีปกติแล้วถึง 100 ครั้ง สารเคลือบเหล่านี้ก็ยังยึดติดบนพื้นผิวชนิดต่าง ๆ ได้ นวัตกรรมนี้จึงมีประโยชน์อย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อโรค ช่วยลดความเสี่ยงต่อผู้ป่วยซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในระบบส่งต่อผู้ป่วยในรถพยาบาลแล้ว ยังลดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เป็นผู้ปฏิบัติงานในห้องโดยสาร และพนักงานขับรถยนต์
ปัจจุบันรถพยาบาลเคลือบสารต้านจุลชีพ จากบริษัท ที เค ดี ไฟเบอร์ จำกัด ได้รับการขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 – พ.ศ. 2571 นอกจากนี้บริษัท ฯ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจาก วศ. ยังเปิดให้บริการเคลือบสารต้านจุลชีพสำหรับรถประเภทต่าง ๆ อีกด้วย
อย่างไรก็ดี กรมวิทยาศาสตร์บริการ จะนำนวัตกรรม “รถพยาบาลเคลือบสารต้านจุลชีพ” ไปจัดแสดงในงานเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทย ประจำปี 2565 หรือ Techno Mart 2022 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 กันยายน – 2 ตุลาคม 2565 ที่ชั้น G บริเวณทางเชื่อมระหว่างสยามดิสคัพเวอรี่และสยามเซ็นเตอร์ กรุงเทพฯ