วว. ร่วมกับ 17 หน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา นำ วทน. ส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการ/บุคลากรสายวิชาการ

               ศ. (พิเศษ) ดร.เอนก  เหล่าธรรมทัศน์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา   วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)  ให้เกียรติแสดงความยินดี  ในโอกาสที่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย  (วว.) ร่วมกับ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ  (วช.)  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่ง  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยแม่โจ้  สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) วิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ  มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์  มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี  และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  ลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อประสานงานความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาครบทุกขั้นตอน โดยการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรร่วมกัน ส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) รวมถึงการพัฒนาบุคลากรสายวิชาการของทั้ง 18 หน่วยงาน เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับประเทศ  ในการนี้ ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์  ทรงศิวิไล  ปลัดกระทรวง อว. กล่าวแสดงเจตนารมณ์ในการลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ/บุคลากร ด้วย วทน.  โอกาสนี้ ผู้บริหาร  บุคลากร  และแขกผู้มีเกียรติ  เข้าร่วมกิจกรรมและร่วมแสดงความยินดีด้วย   ในวันที่  16  กันยายน  2565  ณ  ห้องแถลงข่าวชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า (โยธี)  สป.อว.

               รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว.  กล่าวว่า   กระทรวงการ อว.  มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ผนวกรวมกับศิลปศาสตร์ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว  ปัจจุบันรัฐบาลให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า  บีซีจีโมเดล หรือ BCG Economy Model  ซึ่งต้องอาศัยกลไกวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูง  อีกทั้งบีซีจีโมเดล ยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตแบบก้าวกระโดด กระจายโอกาส กระจายรายได้ และนำความมั่งคั่งไปสู่ชุมชนในท้องถิ่นอย่างทั่วถึง นำพาประเทศไทยก้าวข้ามกับดักประเทศรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศรายได้สูง และมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน กระทรวง อว. ถือเป็นกระทรวงแห่งปัญญา กระทรวงแห่งโอกาส เนื่องจากเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่เพียบพร้อมด้วยหน่วยงานด้านวิจัยพัฒนา  สถาบันการศึกษา ซึ่งล้วนประกอบด้วย บุคลากรที่มีองค์ความรู้และทักษะที่เข้มแข็ง อยู่ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค  

            “…ที.ผ่านมาผมได้มอบนโยบายสำคัญประการหนึ่ง คือ การเร่งผลักดันและระดมสรรพกำลังจากทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยมีมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาค ทำหน้าที่เป็น “อว. ส่วนหน้า” ในการประสานความร่วมมือ ทำงานในพื้นที่ร่วมกับทุกจังหวัด นำ “บีซีจี โมเดล” มาขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่เชิงพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม   ซึ่งผลงานสำคัญที่เห็นเด่นชัดอย่างเป็นรูปธรรม คือ โครงการ U2T  มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างงาน สร้างรายได้ให้ชุมชน   โดยมีมหาวิทยาลัยเป็นผู้ดำเนินการ  ซึ่งความร่วมมือของทุกหน่วยงานในวันนี้จะเป็นการสานต่อผลสำเร็จจากโครงการ U2T เพื่อให้เกิดการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ไปใช้ในชุมชน  ช่วยสร้างอาชีพให้กับประชาชน  ช่วยเหลือชุมชนต่างๆ ให้มีการเติบโตและรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างยั่งยืน…” ศ. (พิเศษ) ดร.เอนก  เหล่าธรรมทัศน์  กล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว.  กล่าวต่อว่าเป้าหมายสำคัญอีกประการหนึ่งของ กระทรวง อว. คือ สนับสนุนการปฏิรูปการศึกษาในระดับอาชีวะ โดยใช้ทรัพยากรจากมหาวิทยาลัย ทั้งทรัพยากรบุคคล หรือองค์ความรู้ ร่วมกัน เพื่อพัฒนาให้อาชีวะศึกษา เป็นแนวทางสำคัญในการกำหนดแนวทางการทำงานวิจัยเพื่อประโยชน์ของประชาชน  นอกจากนี้ กระทรวง อว. พร้อมที่จะส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต อาทิ การทำงานพร้อมไปกับการเรียน และได้รับวุฒิการศึกษาระดับปริญญา โดยมีการเชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัย  ตลอดจนการส่งเสริมความรู้ด้วยแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงและยุทธศาสตร์บีซีจี   เพื่อร่วมสนองแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด การเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้กับประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“… ในนามของกระทรวง อว. ผมขอร่วมแสดงความยินดีกับทุกๆหน่วยงานในวันนี้ ที่ได้มีการร่วมประสานพลังเพื่อทำงานภายใต้บันทึกความเข้าใจและความร่วมมือที่เน้นการบูรณาการทำงานร่วมกัน ในการที่จะผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม  โดยมุ่งไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดความมั่นคงยั่งยืนในระยะยาว  เชื่อมั่นว่าความร่วมมือกันในครั้งนี้ จะเป็นการนำศักยภาพของบุคลากรและองค์ความรู้ตลอดจนทักษะความเชี่ยวชาญต่างๆ ขององค์กรวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ผนวกเข้ากับการสนับสนุนจากหน่วยงานสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้อง อันจะทำให้เกิดความแข็งแกร่ง และสามารถผลักดันให้เกิดการพัฒนาและการขับเคลื่อนประเทศไทย อีกทั้งตอบสนองความต้องการของประชาชนทั้งในประเทศ ตลอดจนยังเป็นการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของทุกฝ่าย เพื่อประโยชน์ในการพัฒนางานใหม่ๆ ในอนาคต  หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวในครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จด้วยดี  และขอขอบคุณ ท่านผู้บริหาร ท่านอาจารย์ นักวิจัย และผู้สนับสนุนทุกภาคส่วนที่ร่วมมือร่วมใจผนึกกำลังในการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ขับเคลื่อนให้ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน…”ศ. (พิเศษ) ดร.เอนก  เหล่าธรรมทัศน์  กล่าวในช่วงท้าย

  ปลัดกระทรวง อว. กล่าวแสดงเจตนารมณ์ในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่า  เป็นการผนึกกำลังที่จะผลักดันให้เกิดการพัฒนา  เพื่อประสานงานความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี งานบริการต่างๆ ของทั้ง 18 หน่วยงาน ได้แก่  สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย   สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง  9  แห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยแม่โจ้  สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ  วิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ  มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์  มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี  และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้มีการประสานความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด  สนับสนุนการหาแนวทางการใช้ทรัพยากรของหน่วยงานร่วมกัน    เช่น    เครื่องมือ   อุปกรณ์  การแลกเปลี่ยนข้อมูล  ขยายผลและต่อยอดผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม  ลดต้นทุนที่ซ้ำซ้อนของหน่วยงานด้วยวิธีบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมมือส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม  ร่วมพัฒนาบุคลากรของทั้ง  18  หน่วยงาน  รวมถึงการสร้างศักยภาพบุคลากรบัณฑิตของประเทศ โดยการแลกเปลี่ยนหรือถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิชาการอย่างยั่งยืน

ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา  เอี่ยมโชติชวลิต  ผู้ว่าการ วว.  กล่าวว่า   ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว วว.  มีความพร้อมในการสนับสนุนส่งเสริมผู้ประกอบการร่วมกับ 17 หน่วยงานพันธมิตร ด้วยองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่ วว. มีความเชี่ยวชาญมากว่า 59 ปีและได้นำไปประยุกต์ใช้เพื่อเสริมแกร่งให้กับผู้ประกอบการ  รวมทั้งการพัฒนาเชิงพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม  นอกจากนั้นยังมีโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ครอบคลุมสาขาการวิจัยพัฒนาและการให้บริการครบวงจร ที่สามารถตอบโจทย์และแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง  ตามวิสัยทัศน์ของ วว. ที่ระบุว่า สร้างความเข้มแข็งให้ SME  และชุมชน ผ่านระบบนิเวศนวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อย่างยั่งยืน

ภายหลังการลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว ทั้ง  18  หน่วยงานได้ประชุมหารือความร่วมมือ  โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว.  เป็นประธานในการประชุม ซึ่งมีข้อสรุป ดังนี้

1.นโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว.   ให้มุ่งพัฒนาเป็นต้นแบบสาธิตอาชีวศึกษาให้กลุ่มประเทศ CLMV (Thai Kosen)  พัฒนาให้สมุยเป็นต้นแบบเมือง BCG  (ควบคู่กับจังหวัดนครสวรรค์และทุ่งกุลาร้องไห้)  เน้นการทำงานแบบ Giant  step   ฝึกให้ทำวิจัยตั้งแต่ระดับเยาวชนในระดับพื้นที่เพื่อร่นระยะเวลา

2. ข้อหารือของหน่วยงานสนับสนุน  มีดังนี้

    2.1 มทร. ทั้ง  9 แห่ง สนับสนุนเรื่องการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน  สหกิจศึกษา  เช่น  การอภิบาลผู้สูงอายุ การพัฒนาเครื่องมือเครื่องจักรด้านการเกษตร (ทุ่นแรง)

   2.2  มรภ.สุราษฎร์ธานี สนับสนุนเรื่องการเป็นพี่เลี้ยงเทคโนโลยีในพื้นที่  การสร้างทักษะ soft  skill วิศวกรสังคม (การปลดล็อกศักยภาพของคนในสังคม) โดยจะขยายผลการกิจกรรมในอาชีวศึกษา และการศึกษาขั้นพื้นฐาน

   2.3  มหาวิทยาลัยแม่โจ้ สนับสนุนการเรียนการสอนด้านการเกษตร (หลักสูตรวิศวกรรมบัณฑิต นวัตกรรมเกษตร re-inventing) โรงเรือน evap การออกใบรับรองด้านการเกษตร smart farming

   2.4  มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ สนับสนุนการเรียนการสอนด้านการท่องเที่ยว  (มีต้นแบบการเรียนการสอนจากประเทศเยอรมนี) และการโรงแรม หลักสูตร pro-chef และการผลิตพืชผักปลอดสารพิษในโรงเรือน

  2.5 สวทช. สนับสนุนการสร้าง Social  Doctor  โดยใช้การจัดการหลักสูตรฐานสมรรถนะ (ความรู้ ทักษะ เจตนคติ) การสร้างความมั่นใจให้พร้อมสำหรับการทำงาน การสร้างนวัตกรรมที่ใช้ต้นทุนต่ำ  รวมทั้งการพัฒนาหลักสูตรอภิบาลผู้สูงอายุ หรือหลักสูตรอบรมอาชีพระยะสั้น

Leave a Reply

Your email address will not be published.