คลินิกฟ้าใส โรงพยาบาลตำรวจ รณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลก ผลักดันให้ “สังคมไทยปลอดบุหรี่”

องค์การอนามัยโลกระบุชัดเจนว่า การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการป่วย และเสียชีวิตก่อนวัย  อันควรที่สามารถป้องกันได้ และกำหนดให้วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก (World No Tobacco Day) ปัญหาการสูบบุหรี่ในประเทศไทยทวีความรุนแรง โดยเฉพาะอายุของนักสูบหน้าใหม่ ที่ลดน้อยลง และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการสูบบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม อย่างกว้างขวางและเป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วย และเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เพราะในควันบุหรี่มีสารนิโคติน ออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูงขึ้น โดยสารนี้จะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของผู้สูบบุหรี่ และผู้ไม่สูบบุหรี่ที่อยู่ใกล้เคียงหลายประการ การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญลำดับที่ 2 ของการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด รองจากโรคความดันโลหิต อาจทำให้เกิดมะเร็งปอด และมะเร็งที่อวัยวะอื่นๆ อีกทั้งควันของบุหรี่ ละอองไอของบุหรี่ไฟฟ้า ยังทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่นโรคหอบหืด หรือโรคภูมิแพ้มีอาการกำเริบขึ้น แต่ละปีรัฐบาลต้องเสียงบประมาณเป็นค่ารักษาโรคที่เกิดจากบุหรี่มากมาย ผู้ที่อยู่กับผู้ที่สูบบุหรี่ก็ได้รับผลเช่นเดียวกันเราเรียกกลุ่มนี้ว่า ผู้สูบบุหรี่มือสอง     

ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 ที่กำหนดให้โรงพยาบาลเป็นสถานที่ปลอดบุหรี่ทั้งหมดตามกฎหมาย เพื่อคุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ คลินิกฟ้าใส กลุ่มงานพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ ได้ตระหนักถึงปัญหาที่จะเกิดจากการสูบบุหรี่ จึงได้จัดทำ “โครงการรณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลก” เพื่อร่วมรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงโทษ และพิษภัยบุหรี่ลดความเสี่ยงของการติดบุหรี่ และการเกิดโรคต่างๆ ตามมา รวมทั้งสร้างแรงจูงใจในการลด ละเลิก สูบบุหรี่ เพื่อผลักดันให้ “สังคมไทยปลอดบุหรี่” อย่างแท้จริงได้ต่อไป

พลตำรวจตรี วรชาติ โมฬีฤกษ์ภูมิ นายแพทย์ (สบ 6) โรงพยาบาลตำรวจ ประธานคณะทำงานโรงพยาบาลตำรวจปลอดบุหรี่ กล่าวว่า โรงพยาบาลตำรวจ ได้ประกาศเป็นโรงพยาบาลปลอดบุหรี่ มานานกว่า 10 ปี ทั้งนี้ด้วยความร่วมมือจากบุคลากร และผู้ใช้บริการเป็นอย่างดียิ่ง ซึ่งทุกคนตระหนักถึงปัญหาจากภัยของยาสูบ และจากรายงานทำให้ทราบว่า ปัจจุบันประเทศไทยของเรา มีจำนวนผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก และเยาวชน ที่ได้รับการโฆษณาชวนเชื่อจากสื่อออนไลน์ ให้สามารถเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างง่ายดาย และเชื่อว่าทุกท่านคงเห็นด้วยกับคำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลกในปีนี้ ที่ว่า “บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ เสพติด อันตราย” การจัดกิจกรรมในวันนี้ เห็นว่าได้มุ่งเน้นถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพ ที่เกิดจากการสูบบุหรี่ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า จึงเป็นเรื่องที่ดี เพราะนอกจากจะก่อให้เกิดผลเสีย ต่อสุขภาพของผู้สูบเองแล้ว ยังมีผลกระทบต่อผู้ไม่สูบบุหรี่ที่ได้รับควันบุหรี่มือสองเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นการสร้างความตระหนักถึงการมีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครอง เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอีกด้วย การจัดงานในวันนี้ แสดงถึงความสามารถของคณะทำงาน และบุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่จัดกิจกรรมเช่นนี้อย่างต่อเนื่องทุกปี  ในโอกาสนี้ผมขอขอบคุณคณะทำงาน และผู้มีส่วนร่วมให้ความช่วยเหลือในการทำกิจกรรมครั้งนี้

พันตำรวจโทหญิง นงนุช  พานิชผล หัวหน้าคลินิกฟ้าใส โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า วันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี องค์การอนามัยโลกกำหนดให้เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก ปัญหาการสูบบุหรี่ในประเทศไทย โดยเฉพาะการสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากการสำรวจอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของคนไทยที่อายุ 15 ปีขึ้นไป ในปีพ.ศ. 2564 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่ามีผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า 78,742 คน คิดเป็นร้อยละ 0.14 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.02 ในปี พ.ศ. 2560 และอายุของนักสูบหน้าใหม่ที่ลดน้อยลง โดยร้อยละ 30 มีอายุระหว่าง 15 – 24 ปี ซึ่งการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมอย่างกว้างขวาง และเป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร  

พันตำรวจโทหญิง นงนุช  พานิชผล กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงพยาบาลตำรวจได้ดำเนินการควบคุมการบริโภคบุหรี่ มาตั้งแต่ ปีพ.ศ.2553 บุคลากรในโรงพยาบาลตำรวจได้ให้ความร่วมมือกันในการสอบถาม พร้อมทั้งแนะนำผู้ป่วยและญาติให้เลิกบุหรี่ อีกทั้งคณะทำงานโรงพยาบาลตำรวจปลอดบุหรี่ ยังได้ทำงานเชิงรุกในการดูแลสุขภาพของข้าราชการตำรวจในโครงการโรงพักปลอดบุหรี่ และโครงการนักเรียนนายสิบตำรวจปลอดบุหรี่มาอย่างต่อเนื่อง สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดงานในปีนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนและเยาวชน ได้รับรู้ถึงปัญหาและอันตรายของการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า ตามคำขวัญของกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่ว่า “บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ เสพติด อันตราย”