“ศุภมาส” รัฐมนตรี อว. เปิด “ศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสีแห่งชาติ” พร้อมปฏิบัติงาน หากเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสีของประเทศ
เมื่อวันนี้ (15 มกราคม 2567) นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (รมว.อว.) ตรวจเยี่ยม ปส. และเปิดศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสีแห่งชาติของประเทศ ยกระดับการเตรียมความพร้อม เฝ้าระวังภัย และตอบสนองกรณีฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสีของประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการสื่อสารให้ทันต่อสถานการณ์ “รวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ” ณ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.)
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (รมว.อว.) กล่าวภายหลังการเป็นประธานเปิดศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสีแห่งชาติ (NUREAC ; National Nuclear and Radiological Emergency Administration Center) ว่า ปส. หน่วยงานภายใต้สังกัด อว. มีภารกิจสำคัญในการกำกับดูแลความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสี ตลอดจนเตรียมความพร้อมและตอบสนองเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสีของประเทศ โดยศูนย์ฯ นี้ใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี และเป็นศูนย์กลางข้อมูลการเฝ้าระวังภัย การเตรียมความพร้อม และการตอบสนองกรณีเกิดเหตุฯ รวมทั้งการประเมินและติดตามสถานการณ์ อีกทั้งมีความสามารถ
ในการติดต่อประสานงานระหว่างหน่วยงานภายในประเทศและต่างประเทศโดยทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ภายในศูนย์ฯ มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญในการตอบสนองเหตุ ที่ผ่านการพัฒนาศักยภาพเพิ่มทักษะและความเชี่ยวชาญ รวมทั้งฝึกซ้อมปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนมีอุปกรณ์ เครื่องมือและเทคโนโลยีนวัตกรรมที่ทันสมัย จึงมั่นใจได้ว่าหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี ปส. สามารถรับมือกับสภาวะวิกฤตได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งในวันนี้ยังได้รับเกียรติจากหน่วยงานพันธมิตรมาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดฯ ได้แก่ กรมการสรรพกำลังกลาโหม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)
นางสาวศุภมาส กล่าวต่อไปว่าการจัดตั้งศูนย์ฯ แห่งนี้ จะทำให้ประเทศไทยมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และเครื่องมือที่มีศักยภาพและขีดความสามารถในการเฝ้าระวังภัย เตรียมความพร้อมและการตอบสนองกรณีฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี ที่ครอบคลุมถึงความเสี่ยงจากภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์และรังสีในทุกรูปแบบ โดยมีเป้าหมายที่สำคัญ คือ ป้องกันและบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนและสิ่งแวดล้อม อย่างรวดเร็ว และปลอดภัย
นางเพ็ญนภา กัญชนะ รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีแนวโน้มการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์และรังสีในด้านต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น จึงมีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงจากการเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี อีกทั้ง ในสถานการณ์ของประชาคมโลกที่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากข้อพิพาทระหว่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม ศูนย์ฯ นี้จะทำหน้าที่สำคัญในการเฝ้าระวังเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์ จากการเชื่อมโยงข้อมูลสถานีเฝ้าระวังภัยทางรังสีทั่วในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์และรังสีที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย รวมทั้งเฝ้าระวังการลักลอบทดลองอาวุธนิวเคลียร์ทุกภูมิภาคทั่วโลก สำหรับในสภาวะปกติ ศูนย์ฯ นี้ยังทำหน้าที่ในการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงของแต่ละในพื้นที่ในประเทศไทย ในการเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมกรณีฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี ผ่านระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ รวมทั้ง เฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นตามมาภายหลังจากอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์และรังสีที่เคยเกิดขึ้นในอดีตทั่วโลก อาทิ การปล่อยน้ำปนเปื้อนรังสีที่ได้รับการบำบัดจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกุชิมา-ไดอิจิ ประเทศญี่ปุ่น ตลอดจนใช้เพื่อเป็นศูนย์ฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินฯ ตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ทั้งการฝึกซ้อมโดยการจำลองสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในประเทศ และที่เคยเกิดขึ้นจากกรณีตัวอย่างของต่างประเทศ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการตอบสนองเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสีด้านสาธารณภัยและด้านความมั่นคงของประเทศไทย
นางเพ็ญนภา กัญชนะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ หากเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี หรือพบวัสดุต้องสงสัย เบื้องต้นให้สังเกตลักษณะภายนอกว่ามี “สัญลักษณ์ทางรังสี” ที่มีพื้นป้ายสีเหลือง วงกลมและรูปใบพัดสามแฉกสีม่วงแดงหรือสีดำหรือไม่ หากมีสัญลักษณ์ดังกล่าวห้ามแตะต้องวัสดุนั้น พร้อมกันนี้ขอให้แจ้งมายังสายด่วน ปส. หมายเลขโทรศัพท์ 1296 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง