บอร์ดติดตามโบราณวัตถุฯ เห็นชอบแนวทางรับมอบคืน“ทับหลังปราสาทหนองหงส์-ทับหลังปราสาทเขาโล้น”
บอร์ดติดตามโบราณวัตถุฯ เห็นชอบแนวทางรับมอบคืน”ทับหลังปราสาทหนองหงส์-ทับหลังปราสาทเขาโล้น” เชิญนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในเดือนพ.ค.นี้ นำมาจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ระหว่างพ.ค.-ก.ค.นี้เผยอเมริกาส่งคืนโบราณวัตถุเพิ่มเติมอีก 13 รายการ มาถึงไทยพร้อมกับทับหลังทั้ง 2 รายการ รวมทั้งหมด 15 รายการ
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) และประธานกรรมการติดตามโบราณวัตถุของประเทศไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทยกล่าวหลังประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 1/2564 ซึ่งเป็นการประชุมผ่านระบบทางไกลว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางดำเนินการขนส่ง ค่าใช้จ่ายขนส่งและการรับมอบโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ 2 รายการกลับคืนสู่ประเทศไทย คือ ทับหลังปราสาทหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ และทับหลังปราสาทเขาโล้น จ.สระแก้ว ที่จัดแสดงอยู่ที่เอเชี่ยน อาร์ท มิวเซียม นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ขณะนี้ทับหลังทั้ง 2 รายการ อยู่ในกระบวนการส่งคืนให้แก่ประเทศไทย รัฐบาลกลางสหรัฐโดยกระทรวงยุติธรรม สหรัฐอเมริกา จะส่งมอบทับหลังทั้ง 2 รายการให้แก่รัฐบาลไทยโดยผ่านสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครลอสแอนเจลิสและใช้วิธีขนส่งทางอากาศมายังไทย และจะมีพิธีรับมอบอย่างเป็นทางการ ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.)จะเชิญพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีรับมอบในเดือนพฤษภาคมนี้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และจะนำทับหลังทั้ง 2 รายการมาจัดแสดงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคมนี้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาและประชาชนได้มีโอกาสชมและศึกษาหาความรู้ หลังจากนั้นจะพิจารณาเรื่องสถานที่จัดเก็บรักษาอีกครั้ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า การที่ประเทศไทยได้รับมอบคืนโบราณวัตถุทั้ง 2 รายการ นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุฯขึ้นและมีการดำเนินงานแบบบูรณาการระดับชาตินับตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งรัฐบาลและวธ.ขอขอบคุณคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุฯ รวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ร่วมกันดำเนินการในเรื่องนี้จนประสบผลสำเร็จและเกิดจากความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับรายงานจากกรมศิลปากรว่า หน่วยงาน Antiquities Trafficking Unit (ATU) สำนักงานอัยการนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาได้สอบสวนโบราณวัตถุที่ลักลอบเข้าประเทศและยึดไว้กว่า 1,000 รายการ และมีความประสงค์จะส่งคืนโบราณวัตถุที่พิสูจน์แล้วว่ามีแหล่งกำเนิดในประเทศไทยและถูกลักลอบนำออกจากไทย 13 รายการ ประกอบด้วยพระพุทธรูป พระโพธิสัตว์และประติมากรรมอื่นๆ ซึ่งกรมศิลปากรมอบอำนาจให้สถานกงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก เป็นผู้แทนรับมอบในวันที่ 22 เมษายนนี้ และจะส่งโบราณวัตถุทั้ง 13 รายการ คืนสู่ประเทศไทยพร้อมกับทับหลังทั้ง 2 รายการ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งเพื่อนำโบราณวัตถุทั้ง 15 รายการกลับคืนสู่ไทยรวมทั้งหมดประมาณ 9 แสนบาท อย่างไรก็ตามกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ได้จัดสรรงบประมาณในส่วนนี้และพร้อมที่จะดำเนินการแล้ว แต่หากมีภาคเอกชนหรือภาคส่วนอื่นๆ ต้องการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการ ก็มีความยินดีที่จะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน และภาคส่วนอื่นๆ ที่สนใจ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปกป้องและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของชาติไทย โดยสามารถติดต่อรายละเอียดได้ที่กรมศิลปากร
นายอิทธิพล กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมรับทราบข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีที่ให้วธ.และกรมประชาสัมพันธ์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความสำเร็จที่ไทยได้รับคืนทับหลังทั้ง 2 รายการ รวมทั้งให้วธ.จัดทำวีดิทัศน์ผลการดำเนินงานติดตามทับหลังและโบราณวัตถุอื่นๆในช่วงปี 2557-2563 เพื่อประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานและสร้างความตระหนักรู้เพื่อให้คนไทยเห็นความสำคัญในการอนุรักษ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของไทย ขณะนี้กรมศิลปากรอยู่ระหว่างจัดทำวีดิทัศน์ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา ศึกษาแนวทางการจัดทำข้อตกลงทวิภาคีความร่วมมืออนุรักษ์และคุ้มครองโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาเพื่อให้เป็นไปอย่างมีระบบและเป็นขั้นตอนแบบรัฐต่อรัฐ นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้ติดตามโบราณวัตถุเพิ่มเติม 1 รายการ ซึ่งมีหลักฐานทั้งถ่ายภาพและเอกสารยืนยันว่ามีแหล่งกำเนิดในไทย คือพระพุทธรูปประทับเหนือพนัสบดีจากเมืองโบราณซับจำปา จ.ลพบุรี ปัจจุบันอยู่ที่สถาบันเอเชียโซไซตี้ สหรัฐอเมริกา ซึ่งที่ประชุมได้ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องในสหรัฐอเมริกาเพื่อยื่นเอกสารที่คณะอนุกรรมการด้านวิชาการฯ จัดทำขึ้นเพื่อขอคืนโบราณวัตถุกลับสู่ไทย