บพท.จับมือ ม.พะเยา แจ้งเกิด”ออร์แกนิคพะเยา” ยกระดับวิสาหกิจชุมชนเพื่อสังคมเกษตรอินทรีย์
“ม.พะเยา” ร่วมมือกับชุมชนเดินหน้าปั้นบริษัท ออร์แกนิคพะเยา สู่การเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม เล็งเพิ่มช่องทางการขาย และแปรรูปเพิ่มมูลค่าสินค้า เน้นสร้างกลไกผู้นำท้องถิ่นสร้างเกษตรอินทรีย์พะเยาให้เข้มแข็ง
ผศ.น.สพ.สมชาติ ธนะ อาจารย์ประจำคณะเกษตรศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยพะเยา ผู้อำนวยการโครงการวิจัยการพัฒนาเครือข่ายสมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนจังหวัดพะเยาสู่การสร้างชุมชนนวัตกรรม เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัย พะเยาร่วมกับหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ทำการวิจัยเพื่อพัฒนาเกษตรอินทรีย์จังหวัดพะเยามาเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันและได้ร่วมมือกับชุมชนจัด ตั้งบริษัทออร์แกนิคพะเยาขึ้นมา โดยในปีนี้เป้าหมายการทำงานของคณะวิจัยอย่างหนึ่งคือการเดินหน้าพัฒนา บริษัท ออร์แกนิคพะเยา วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด (OPSE) เพื่อพัฒนาระบบการจัดการด้านการตลาด ผลผลิตเกษตรอินทรีย์และสินค้าแปรรูป ให้มีการขับเคลื่อนการตลาดที่เป็นธรรมผ่านบริษัท OPSE พร้อมกับยกระดับห่วงโซ่คุณค่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ของสมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนพะเยา
ทั้งนี้บริษัท OPSE ได้จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทขึ้นตั้งแต่ปี 2563 เพื่อรวบรวมสินค้าเกษตรในพื้นที่จังหวัดพะเยาไปส่งขายให้กับผู้รับซื้อในจังหวัดอื่นๆ โดยที่ผ่านมาได้เริ่มขายสินค้าจากจังหวัดพะเยาให้กับลูกค้าที่มีการสั่งซื้อสินค้าจากจังหวัดพะเยาเป็นจำนวนมาก เช่น เลมอนฟาร์ม ที่รับซื้อลิ้นจี่จากจังหวัดพะเยา และบริษัท สุขทุกคำ ที่รับซื้อสินค้าเกษตรที่เป็นสินค้าออร์แกนิกจาก จ.พะเยา ไปขายต่อให้กับลูกค้าในกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่ผ่านมาบริษัท OPSE มีรายได้ประมาณ 30,000 – 40,000 บาทต่อเดือน
สำหรับแผนการพัฒนาทางการตลาดต่อไป ได้เริ่มมีการทำการตลาดเพิ่มเติมทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยการตลาดแบบออนไลน์ได้เริ่มมีการจัดตั้งเพจ และกลุ่มไลน์เพื่อขายสินค้าเกษตรอินทรีย์ และผักออร์แกนิคในจังหวัดพะเยา ส่วนการทำการตลาดออฟไลน์มีการเจรจาพูดคุยกับห้างโมเดิร์นเทรดในพื้นที่ภาคเหนือเพื่อส่งสินค้าไปจำหน่าย ควบคู่กับการนำสินค้าไปออกบูทแสดงสินค้าของกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดจนเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมมากขึ้น เช่น ผักเคล ถั่วพู วอเตอร์เครส มะเขือเทศราชินี ฟักทองไทย เป็นต้น
นอกจากการเพิ่มช่องทางการตลาดคณะนักวิจัยยังให้ความสำคัญกับการวิจัยทางด้านเกี่ยวกับการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าและแก้ปัญหาผลผลิตเหลือทิ้ง จำนวน 4 ชุมชมนวัตกรรม ในพื้นที่ 4 ตำบล ได้แก่ กลุ่มอนุรักษ์การผลิตลิ้นจี่คุณภาพห้วยป่ากล้วย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ในการบริหารจัดการลิ้นจี่ตกเกรด ชุมชนนวัตกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์จากเห็ด โดยฟาร์มเห็ดธนกฤต์ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ชุมชนนวัตกรรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผงชงดื่ม โดยกลุ่มผลิตผักอินทรีย์ ตำบลจุน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา และนวัตกรรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์พืช ผัก สมุนไพรอบแห้ง โดย ห้างหุ้นส่วนจำกัด อโกรโปรเกรส
“OPSE มีสมาชิกที่เป็นเครือข่ายที่เป็นกลุ่มเกษตรกรที่อยู่ในสมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนพะเยาแล้วประมาณ 200 ราย ซึ่งมหาวิทยาลัย ฯ มาช่วยอบรมสร้างความรู้ทางการตลาดและการจัดทำบัญชีธุรกิจ ที่เป็นทักษะที่จำเป็นในการทำธุรกิจในอนาคตโดยตามแผนของเรา OPSE จะมีความยั่งยืนและสามารถเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องธุรกิจให้กับสมาชิกได้เองต่อไปภายใน 3 ปี”
ทั้งนี้จะมีการพัฒนาให้ชุมชนเป็นเจ้าของ บริษัท OPSE ที่จะดำเนินการในรูปแบบของวิสาหกิจเพื่อสังคม (SE) มีการปันผลให้กับสมาชิกที่ถือหุ้นในสัดส่วน 30:70 คือนำกำไรมาจัดสรรให้สมาชิกที่ถือหุ้นในสัดส่วน 30% ส่วนอีก 70% ใช้เป็นเงินหมุนเวียนและพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้า เช่น การทำแพลตฟอร์มการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ในรูปแบบต่างให้มากขึ้น
นายกิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ บพท.กล่าวว่า งานวิจัยดังกล่าวนี้เป็นหนึ่งในนโยบายส่งเสริมการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาท้องถิ่นด้วยความรู้จากสถาบันการศึกษาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความยั่งยืน “บพท.ตั้งเป้าหมายให้งานวิจัย นอกจากจะเกิดประโยชน์โดยตรงกับชุมชนที่เข้าร่วมแล้ว เขาควรจะได้รับความรู้พอที่จะเดินต่อไปได้ ตลอดจนมีการสร้างกลไกภาคีในท้องถิ่นจากทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะเข้ามาร่วมมือ จนกลายเป็นตัวอย่างกระบวนการบริหารท้องถิ่นที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ”